Friday, September 9, 2016

คืนชีวิตโบราณสถาน ด้วยอลังการแห่งแสงและเสียง


ภาคภูมิ น้อยวัฒน์เรื่องและภาพ
ตีพิมพ์ครั้งแรกในอนุสาร อ.ส.ท. ปีที่ ๔๘ ฉบับที่ ๘  ประจำเดือนมีนาคม พ.ศ.๒๕๕๑ 

  
มันเป็นความรู้สึกยากจะบรรยายครับ เมื่อได้เห็นซากปรักหักพังของโบราณตรงหน้า กลับฟื้นคืนขึ้นมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง

ไม่ใช่ด้วยเวทย์มนต์อาคมใด ๆ

แต่ด้วยเพียงเสียงบรรยาย  แสงหลากสีที่สาดส่อง โบราณสถานคร่ำคร่ากลับฟื้นคืนชีพบอกเล่าเรื่องราวในอดีตกาลที่ผ่านมาได้

มันคือสิ่งที่เรียกว่า "การแสดงแสงและเสียง" 

ก้าวแรกของการแสดงแสงและเสียง

พูดถึงการแสดงแสงและเสียงในโบราณสถานมีมานานแล้วในหลายประเทศ โดยเฉพาะในประเทศที่มีประวัติศาสตร์ความเป็นมาเก่าแก่ไม่ว่าจะเป็นอียิปต์  อินเดีย กรีซ ฝรั่งเศส อังกฤษ ซึ่งก็จะเป็นการส่องแสงไฟให้โบราณสถาน ประกอบกับเสียงบรรยายให้เกิดจินตนาการและบรรยากาศ 

ในประเทศไทยของเรา การแสดงแสงและเสียงเริ่มมีขึ้นครั้งแรกเมื่อปี พ.. ๒๕๑๙ ที่วัดอรุณราชวราราม ราชวรมหาวิหาร กรุงเทพมหานคร  กรมศิลปากรร่วมกับกองทัพเรือจัดแสดงให้นักท่องเที่ยวนั่งเรือลอยลำชมแสงเสียงหน้าวัดอรุณฯ  ต่อมาในปีพ..๒๕๒๐ กรมศิลปากรอีกนั่นแหละที่ได้จัดแสดงแสงและเสียงในงานแผ่นดินสมเด็จพระนารายณ์มหาราชที่จังหวัดลพบุรีอีก แต่ทั้งสองครั้งไม่ค่อยมีการประชาสัมพันธ์เท่าที่ควรก็เลยไม่ค่อยมีใครรู้จักสักเท่าไหร่

             จนกระทั่งในปีพ.. ๒๕๒๓  ปีนั้นการรถไฟแห่งประเทศไทยมีดำริจะยกเลิกและรื้อถอนทางรถไฟสายตะวันตกที่แล่นระหว่างสถานีธนบุรี-น้ำตก  จังหวัดกาญจนบุรี เนื่องจากมีผู้โดยสารน้อย ทำให้ขาดทุนต่อเนื่อง การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ซึ่งเพิ่งยกฐานะขึ้นมาจากองค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (...) แบบหมาด ๆ ในสมัยของพันเอกสมชาย หิรัญกิจ ได้เล็งเห็นถึงศักยภาพทางด้านการท่องเที่ยวของทางรถไฟสายนี้ ว่ามีความน่าสนใจ เนื่องจากเป็นเส้นทางสายประวัติศาสตร์ในสงครามโลกครั้งที่ ๒ ที่กองทัพญี่ปุ่นเกณฑ์เชลยศึกฝ่ายสัมพันธมิตรมาสร้างทางรถไฟเพื่อเข้าไปในเขตพม่าเพื่อเชื่อมต่อสู่เมืองตันปูซายัดในอินเดีย

การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยก็เลยจัดให้มีการแสดงแสงและเสียงเรื่องสะพานข้ามแม่น้ำแควขึ้นในงานสัปดาห์สะพานข้ามแม่น้ำแควปีนั้น ซึ่งเป็นปีท่องเที่ยวไทยพอดีเสียด้วย มีด้วยกันทั้งหมด ๘ วัน ตั้งแต่วันที่ ๒๘ พฤศจิกายน ถึง ๕ ธันวาคม ถือเป็นการจัดแสดงแสงและเสียงครั้งแรกของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย  ที่น่าทึ่งก็คือแต่ละคนที่มาช่วยกันจัดงานนั้นไม่เคยมีใครเคยจัดการแสดงแสงเสียงมาก่อนเลยในชีวิต

          “อย่าว่าแต่เคยจัดเลย การแสดงแสงเสียงนี่ ตอนนั้นยังไม่เคยเห็นสักครั้งด้วยซ้ำไป ก็ต้องมาคิดกันเอาเองว่าจะมีอะไรบ้าง แล้วต้องทำอะไร ยังไง ป้ายาย สายสุนีย์ สิงหทัศน์ หัวเราะพลางทบทวนความหลัง  ในฐานะพนักงานและกองบรรณาธิการ อ...ในยุคแรก ที่แม้จะเกษียณอายุมานานหลายปีแล้วก็ยังคงทำงานอยู่กับอ...อยู่จนถึงปัจจุบัน ป้ายายจึงเป็นที่พึ่งของพวกเราชาว อ...เสมอ โดยเฉพาะเรื่องเก่า ๆ ที่คนรุ่นใหม่เราไม่ทันได้เห็น (ใครที่อ่านอนุสารอ...ในยุคแรก ๆ คงจะคุ้นตากับชื่อสายสุนีย์ สุขนคร นั่นแหละครับ คนเดียวกัน

            ป้ายายเล่าว่านอกจากเป็นงานใหม่ที่ไม่เคยมีประสบการณ์แล้วยังเป็นงานใหญ่ที่ต้องประสานงานหลายฝ่ายอีกด้วย ไหนจะการรถไฟแห่งประเทศไทยเจ้าของเส้นทางและขบวนรถไฟ   ไหนจะจังหวัดกาญจนบุรีเจ้าของพื้นที่ ยังมีกรมวิทยาศาสตร์ทหารบกเข้ามาดูแลเรื่องวัตถุระเบิดที่จะต้องใช้ในการแสดง แถมด้วยทหารอากาศที่ต้องไปยืมเอาไฟสปอตไลต์สำหรับต่อสู้อากาศยานมาเข้าฉาก แม้แต่ททท.เองก็ระดมบุคลากรหลายหน่วยหลายแผนกเข้ามาร่วมด้วยช่วยกัน

หลายคนทำงานด้วยกันมันก็ต้องมีขัดแย้งกันบ้าง อย่างเรื่องบทนี่มีอยู่ตอนหนึ่งทางคุณสุรินทร์ คล้ายจินดา ผู้กำกับฝ่ายเทคนิคเขาอยากจะเล่าเรื่องด้วยแสงและเสียงล้วน ๆ  อยากจะตัดคำบรรยายบางส่วนออกไป หน่องเขาก็ไม่ยอม เลยทะเลาะกันใหญ่ แบบศิลปินปะทะศิลปินน่ะ
         สาเหตุเพราะคุณวาสนาเขียนบทยาวไป ทำให้คุณสุรินทร์ ซึ่งเป็นผู้กำกับแสงเสียงแปลงเป็นภาพไม่ได้ แต่ท้ายสุดเรื่องนี้ก็คลี่คลาย เพราะใช้ระบบคณะกรรมการซึ่งนอกจากป้ายายแล้วยังประกอบด้วยคุณหญิงคณิตา เลขะกุล คุณวนิดา สถิตานนท์ คุณพงศธร เกษสำลี คุณวิวัฒน์ชัย บุณยภักดิ์  (ชื่อคุ้น ๆ อยู่ในอนุสาร อ... แทบทั้งนั้น) ช่วยในการตัดสิน งานก็ดำเนินต่อไปได้
           นอกจากความวุ่นวายเรื่องการประสานงานเพราะมีคนทำงานด้วยกันหลายฝ่ายแล้ว เรื่องอุบัติเหตุในการทำงานอีกอย่างที่เป็นปัญหาสำคัญ เพราะการแสดงแสงและเสียงย่อมหนีไม่พ้นที่จะต้องเกี่ยวข้องกับระบบไฟฟ้าและวัตถุระเบิดค่อนข้างมาก

          “ครั้งหนึ่งเกิดไฟฟ้าลัดวงจรระหว่างซ้อม ไฟลุกควันโขมง ดีว่าคุณสุมิตรเขาวิ่งไปยกคัตเอ๊าท์ทัน เลยไม่มีใครเป็นอะไร แต่ที่ร้ายแรงที่สุดคืออีกครั้งหนึ่ง ไฟฟ้าลัดวงจร ระเบิดที่ติดตั้งเอาไว้เกิดระเบิดขึ้นมา ผู้เชี่ยวชาญวัตถุระเบิดจากกรมวิทยาศาสตร์ทหารบกถึงกับแขนขาด ตอนหลังเลยต้องมาทำพิธีบวงสรวงกัน ก็ทำหมดทุกรูปแบบทั้งแบบฝรั่ง แบบแขก แบบจีน แบบญี่ปุ่นนั่นแหละ เพราะแถวนั้นสมัยสงครามคนตายกันเยอะ

             การแสดงแสงและเสียงเรื่องสะพานข้ามแม่น้ำแคว นำเสนอเรื่องราวเมื่อครั้งสงครามโลกครั้งที่ ๒ กองทัพญี่ปุ่นได้ยกพลขึ้นบกผ่านเข้ามาในประเทศไทย แล้วใช้เชลยศึกฝ่ายสัมพันธมิตรเป็นแรงงานในการก่อสร้างทางรถไฟเพื่อลำเลียงกำลังพลและยุทโธปกรณ์ไปยังพม่าและอินเดีย ก่อนจะจบลงที่สงครามสงบลงด้วยชัยชนะของฝ่ายสัมพันธมิตรและสันติภาพหวนกลับคืนมาสู่มนุษยชาติอีกครั้ง
 รูปแบบการแสดงเป็นแบบที่เรียกว่าการแสดงแสงและเสียงแบบมาตรฐาน (Standard Light & Sound Presentation) อันเป็นรูปแบบที่นิยมกันทั่วไปในต่างประเทศ นั่นก็คือเน้นสื่อสารเรื่องราวด้วยเสียงบรรยาย เสียงประกอบ (sound effect) และเพลงประกอบเป็นหลัก ประกอบกับแสงสีสาดส่องโบราณสถาน ไม่มีการแสดงหรือตัวละครใด ๆ เข้ามาเกี่ยวข้อง ตามตำราว่าสามารถใช้เทคนิคพิเศษเข้ามาช่วยเสริมได้บ้างเล็กน้อย

               แต่ที่สะพานข้ามแม่น้ำแควนี่คณะทำงานใช้เทคนิคพิเศษเข้ามาช่วยสร้างความน่าสนใจค่อนข้างมาก เพราะเห็นว่าองค์ประกอบหลักของการแสดงมีแค่เพียงสะพานนิ่ง ๆ อย่างเดียว กลัวว่าจะไม่สามารถดึงดูดความสนใจของผู้ชมได้นานพอ ก็เลยมีการนำเอาหัวรถจักรไอน้ำเข้ามาประกอบ โดยให้แล่นเข้ามาในช่วงกลางของการแสดง  แถมด้วยการระเบิดสะพานเป็นฉากใหญ่

 “คนชอบดูตอนระเบิดนี่แหละ ค่าใช้จ่ายเฉพาะระเบิดก็เป็นหมื่นแล้ว แล้วป้ายายก็เปิดเผยถึงเบื้องหลังฉากระทึกใจต่าง ๆ ที่ใช้เทคนิคแบบลูกทุ่ง ๆ ในการสร้างบรรยากาศให้สมจริง

สมัยนั้นยังไม่มีเอฟเฟคต์ทันสมัยเหมือนเดี๋ยวนี้ ฉากระเบิดลงแล้วไฟไหม้นี่ก็ต้องเกณฑ์เอาเด็กวิทยาลัยเทคนิคไปช่วยกันจุดไฟที่กองฟางด้านหลังฉากที่สร้างเป็นค่ายทหารญี่ปุ่น ให้แลดูเหมือนกับไฟไหม้จริง ส่วนบนสะพานเราก็ใช้สะพานปลอมด้วยโฟมไปติดตั้งเอาไว้ข้างใต้ ช่วงที่แสดงตอนเครื่องบินมาทิ้งระเบิดสะพาน พอจุดระเบิด สปอตไลต์ฉายไปตรงสะพาน ก็จะมีกลไกทำให้โฟมที่ติดไว้ร่วงหล่น มองดูเหมือนกับสะพานพังลงมา  แสดงจริงวันแรกคุณณรงค์ เอี่ยมสมบัติ คนออกแบบโครงสร้างสะพานเองกลับไม่กล้าดู  เพราะกลัวสะพานปลอมที่ตัวเองทำเอาไว้จะไม่หล่นตามคิวเล่าถึงตรงนี้ป้ายายก็หัวเราะชอบใจ

เรื่องคิวนี่สำคัญมาก เพราะแต่ละส่วนต้องให้สัมพันธ์กัน อย่างฉากสุดท้ายที่เฉลิมฉลองสันติภาพ บนรถไฟก็ต้องมีพนักงาน ททท.ของเรา ขึ้นไปคอยควบคุมจังหวะ ให้พนักงานรถไฟขับรถไฟแล่นออกมาเข้าฉากได้พอดีกับการจุดพลุ สมัยนั้นยังไม่มีโทรศัพท์มือถือก็ใช้วิทยุสื่อสารติดต่อกัน ก็ถือว่ายากพอสมควร

แม้จะมีอุปสรรคและความยากลำบากนานัปการ แต่การแสดงแสงและเสียงเรื่องสะพานข้ามแม่น้ำแควก็ผ่านไปได้ด้วยดี  ประจวบเหมาะกับก่อนหน้านั้นหลายปีมีภาพยนต์อังกฤษเรื่อง The Bridge of River Kwai หรือสะพานข้ามแม่น้ำแคว ได้รับรางวัลออสการ์ถึง ๗ รางวัล ทำให้การแสดงครั้งนี้ได้รับความสนใจจากสื่อมวลชนต่างประเทศมาก ทำข่าวออกอากาศเผยแพร่ โด่งดังไปทั่วโลกในฐานะการแสดงที่สื่อถึงเรื่องราวสำคัญหน้าหนึ่งในประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติ 

ถือเป็นผลงานชิ้นเอกอีกชิ้นที่สร้างชื่อเสียงให้กับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ทำให้นักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาเที่ยวจังหวัดกาญจนบุรีกันมากขึ้น พร้อม ๆ กับที่การแสดงแสงและเสียงก็เริ่มเป็นที่รู้จักกันทั่วไป  


สู่ยุคทองของการแสดงแสงและเสียง

 ผลงานการจัดแสดงแสงและเสียงทำให้ในช่วงสมโภชกรุงรัตนโกสินทร์ ๒๐๐ ปี ในปีพ.. ๒๕๒๕  การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยได้รับมอบหมายการจัดงานแสดงแสงและเสียงภายในบริเวณพระบรมมหาราชวัง เรื่องประวัติการสร้างกรุงรัตนโกสินทร์ ซึ่งก็เป็นอีกงานหนึ่งที่ททท.จัดงานได้ประสบความสำเร็จด้วยดี ทั้งที่ความจริงแล้วมีเวลาในการเตรียมงานช่วงสั้น ๆ เพราะรับมอบงานต่อมาจากกรมศิลปากรอีกที

             การแสดงแสงและเสียงที่สร้างชื่อททท. ให้กระหึ่มอีกครั้งก็คือ อยุธยายศยิ่งฟ้าในงานวันแห่งประวัติศาสตร์กรุงศรีอยุธยา จัดขึ้นในบริเวณวัดพระศรีสรรเพชญ์ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ปีพ.. ๒๕๒๗  งานนี้เทคนิคในการแสดงก็ยังไม่เปลี่ยนแปลงเท่าไหร่ เล่นในสไตล์ลูกทุ่งเหมือนเดิม

             “ที่อยุธยานี่ต้องตระเวนไปตามโรงสี หาซื้อแกลบ กาบมะพร้าว โดยเฉพาะกระสอบนี่ป้ายายนั่งรถไปกว้านซื้อจนหมดเมืองอยุธยาเลย เอามาให้เขาใช้ในฉากเผากรุงศรีอยุธยา ตะเกียงน้ำมันวางรอบวัด เวลาจุดใช้ไฟกดสปาร์ค ใช้โฟมทำเป็นเสาทาน้ำมัน เอากระสอบที่ซื้อมาใส่ในถังน้ำมันเปล่าใบใหญ่ ๆ หลาย ๆ ใบ แล้วก็ต่อสายฮีตไวร์จุดไฟ บางทีลมมันไม่พัดควันไปตามทิศที่เราต้องการก็ต้องเอากาบมะพร้าวบ้าง แกลบบ้าง จุดไฟใส่กาละมังถือวิ่งเข้าไปในฉากให้มันมีควัน  สมัยก่อนเหนื่อย ไม่เหมือนเดี๋ยวนี้เขามีเครื่อง Smoke สร้างควัน    

                นั่นเป็นเรื่องวุ่น ๆ เฉพาะบางส่วนของการเตรียมการเรื่องของแสง เรื่องของเสียงก็วุ่นวายไม่แพ้กัน

              “ฉากที่มีเสียงกบ ต้องตื่นตั้งแต่ตีสี่ตีห้าไปอัดเสียงกบจริง ๆ ในทุ่งนา เอามาใช้ ยิ่งเสียงหรีดหริ่งเรไรนี่ยิ่งแล้วใหญ่ เคยต้องไปอัดจากในป่าช้าตอนดึก ๆ  ไอ้เราก็กลัวผีนะ แต่เขาชวนก็ต้องไปเป็นเพื่อนเขาเล่าไปป้ายายก็ขำไป

                  การแสดงนำเสนอเรื่องราวของกรุงศรีอยุธยานับตั้งแต่การสร้างกรุงตั้งแต่สมัยพระเจ้าอยู่ทองเป็นต้นมา ลำดับเหตุการณ์สำคัญในประวัติศาสตร์จนกระทั่งถึงกาลอวสานของกรุงศรีอยุธยาเมื่อคราวเสียกรุงครั้งที่ ๒  ก่อนจะกล่าวถึงการย้ายไปสร้างกรุงธนบุรี และกรุงรัตนโกสินทร์  ซึ่งก็ประสบความสำเร็จอย่างสูงด้วยบทบรรยายที่กินใจจากสำนวนวรรณกรรมการเดินทางของคุณวาสนา กุลประสูตร และแสงเสียงที่สร้างบรรยากาศราวกับผู้ชมได้ย้อนเวลาไปอยู่ร่วมในประวัติศาสตร์จริง ๆ




                 พี่อิ๊น พงศธร เกษสำลี ผู้อำนวยการฝ่ายบริการการตลาด บรรณาธิการบริหารอนุสาร อ... เป็นอีกท่านหนึ่งที่อยู่ร่วมสมัยการจัดแสดงแสงและเสียงมาตั้งแต่ครั้งสะพานข้ามแม่น้ำแควเช่นกัน เล่าให้ฟังถึงบรรยากาศหลังการแสดงของอยุธยายศยิ่งฟ้าว่า

                  "ที่อยุธยานี่ต้องถือว่าเป็นสุดยอดของการแสดงแสงและเสียงแท้ ๆ เพราะไม่ใช้เทคนิคพิเศษอื่นประกอบเลย รถไฟหรืออะไรที่จะมาช่วยดึงดูดอย่างที่สะพานข้ามแม่น้ำแควก็ไม่มี นอกจากบทบรรยายและการใช้แสงไฟสาดส่องโบราณสถานล้วน ๆ แต่กลับทำให้คนดูประทับใจกันมาก บางคนดูการแสดงจบยืนร้องไห้เลยก็มี บางคนก็เข้ามาขอบคุณ ททท.ที่จัดการแสดงดี ๆ อย่างนี้ให้ดู  

                 ในเวลาไล่เลี่ยกันนั้นเอง ททท. ก็ได้ไปจัดแสดงแสงและเสียงรุ่งอรุณแห่งความสุขขึ้นที่อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัยขึ้น
            
                 “ประวัติศาสตร์สุโขทัยไม่ค่อยมีเรื่องตื่นเต้นเท่ากับอยุธยา ก็เลยต้องเอาการแสดงเข้ามาประกอบ ใช้นักแสดงจากวิทยาลัยนาฏศิลป์สุโขทัยเข้ามาร่วมแสดงด้วย คือเหตุผลถึงรูปแบบที่สุโขทัยแตกต่างออกไป

                 และนั่นก็ถือเป็นการพัฒนารูปแบบเข้าสู่การแสดงแสงและเสียงแบบที่ ๒  ที่เรียกว่าการแสดงแสงและเสียงประกอบจินตภาพ (Imaginery Light & Sound Presentation)  ที่สื่อสารเรื่องราวด้วยเสียงบรรยาย เสียงประกอบและเพลงประกอบ  ผสมผสานกับแสงสีที่สาดส่องโบราณสถาน คล้ายกับแบบมาตรฐาน แต่ไม่เหมือนกันตรงที่มีการแสดงสดมาประกอบเฉพาะในส่วนที่ต้องการเน้นเนื้อหาให้ชัดเจนและประทับใจยิ่งขึ้น

                  ส่วนที่เน้นในการแสดงครั้งนี้ก็คือใช้ข้อมูลจากภาพจิตรกรรมฝาผนัง ลวดลายปูนปั้น มาจำลองเป็นขบวนแห่ผสมผสานเรื่องเล่าประวัติศาสตร์สุโขทัย ประเพณีลอยกระทง เผาเทียนเล่นไฟ  หนึ่งในฉากเด็ดเป็นเรื่องราวในสมัยพญาลิไททรงแต่งไตรภูมิพระร่วง กล่าวถึงนรก เปรต ก็ต้องคิดเทคนิคการนำเสนอ ตอนแรกก็จะใช้วิธีฉายไฟกับต้นตาลแล้วให้คนเดินผ่านหลอดไฟไปผ่านมาให้เห็นเงาสูงเหมือนเปรต  
                 ทีนี้นพรัตน์ กอกหวานเขาเกิดปิ๊งไอเดียทำเปรตให้เป็นตัวเป็นตนขึ้น ใช้ลูกบอลมาเขียนหน้าเขียนตา ทำเป็นหัว เสียบไม้ เอามุ้งคลุมเข้า แล้วใช้ไม้ไผ่ลำยาวทำเป็นแขนขาทาฟอสฟอรัสให้สะท้อนแสงไฟ เวลาเล่นก็ให้เอาหุ่นบังเสาแล้วโยก โผล่ทางโน้นที ทางนี้ที  ปรากฏว่าแสดงวันแรก พอถึงคิวเปรตไม่ขึ้น ที่ไหนได้ คนชักเปรตได้ยินเสียงหมาหอนเกิดกลัวขึ้นมา เผ่นหนีไปเสียก่อน
            เรื่องเปรตนี่มีหลายกระแสครับ บ้างก็ว่าททท. ทำขึ้นมาแค่ ๓ ตัว แต่ถึงเวลาแสดงจริงคนดูมองเห็นว่าออกมาแสดง ๘-๙ ตัว  ทำเอาคนชักหุ่นขอลาออกไม่ยอมไปทำงานต่อ ต้องไปหาจ้างคนอื่นที่ไม่รู้เรื่องมาช่วยชักให้แทน (อันนี้ออกแนวผี ๆ ยิ่งตื่นเต้นเข้าไปใหญ่)

แต่ไม่ว่าเรื่องเปรตจะเป็นยังไง ที่แน่ ๆ ก็คือการแสดงแสงและเสียงในรูปแบบที่มีการแสดงนี้ประสบความสำเร็จกล่าวขวัญกันมากในหมู่นักท่องเที่ยวที่ได้มาชม  จนกระทั่งต่อมากลายเป็นความนิยมที่ว่า ถ้าเป็นการแสดงแสงและเสียงแล้วละก็ต้องมีขบวนแห่และการแสดงประกอบด้วยทุกครั้ง
เรื่องนี้กระทบเข้ากับการแสดงแสงและเสียงที่พระนครศรีอยุธยาซึ่งเป็นการแสดงแสงและเสียงล้วน ๆ อย่างจัง ทำให้ปีหลังผู้ชมลดลงมาก จนกระทั่งปีหนึ่งที่ทางจังหวัดงดจัดงานวันแห่งประวัติศาสตร์กรุงศรีอยุธยา การแสดงแสงและเสียงอยุธยายศยิ่งฟ้าในยุคแรกก็เลยปิดฉากอำลาโรงไปด้วยนับแต่นั้นอย่างเงียบ ๆ
            การแสดงแสงและเสียงหลังจากนั้น เป็นต้นมาจึงเป็นลักษณะของการแสดงประกอบแสงและเสียงแทบทั้งสิ้นไม่ว่าจะเป็นการแสดงแสงและเสียงในงาน ๑๐๐ ปีวีรสตรีเมืองถลาง จังหวัดภูเก็ต งานบุญเดือนสิบ จังหวัดนครศรีธรรมราช งานหลวงเวียงละกอน จังหวัดลำปาง เป็นช่วงเวลาที่การแสดงแสงและเสียงได้รับความนิยมมากจังหวัดไหน ๆ ก็อยากจะจัด

            ในช่วงเวลานี้มีผู้ว่าราชการจังหวัดอยู่ท่านหนึ่งคือเชาน์วัศ สุดลาภา ชอบการแสดงแสงและเสียงมาก ย้ายไปจังหวัดไหนท่านก็ทำเรื่องเข้ามาขอให้ททท. ไปช่วยจัดแสงและเสียงให้ทุกครั้ง เป็นผู้ว่าฯ อยู่ที่ลพบุรีก็ให้ไปจัดในงานแผ่นดินสมเด็จพระนารายณ์ ต่อมาย้ายไปที่กำแพงเพชรก็ให้ไปจัดในงานนบพระเล่นเพลง  จังหวัดกำแพงเพชร  ท้ายสุดย้ายไปอยู่จังหวัดเพชรบุรี ก็ให้ตามไปจัดในงานพระนครคีรีอีก
            ที่พระนครคีรียังมีเรื่องสนุก ๆ เล่าให้ฟังเกี่ยวกับเบื้องหลังการทำงาน 
           
          “ ก่อนวันแสดง พวกเราก็ได้ไปปรับทิศทางแสงของสปอตไลต์ที่ส่องตามโบราณสถานตามจุดต่าง ๆ ทั่วทั้งภูเขา ปรับกันจนถึงตี ๒ ตี ๓ กว่าจะเรียบร้อย  พอวันรุ่งขึ้น ก่อนจะแสดงก็ลองไฟกันอีกรอบ ปรากฏว่าไฟที่ตั้งไว้เบี้ยวหมดเลย ต้องรีบมาตั้งกันใหม่ก่อนแสดงไม่กี่ชั่วโมง ไม่รู้ว่าใครมาทำ มาสืบได้ทีหลังว่าเป็นฝีมือฝูงลิงบนเขาวังนั่นแหละพากันมาเล่นซนหมุนไฟสปอตไลต์ ตอนหลังเลยเอากรงมาครอบสปอตไลต์ไว้ ขนาดนั้นมันก็ยังเอามือล้วงลงไปหมุนอีกจนได้ ตอนหลังไม่รู้เขาทำยังไงกัน พวกลิงมันถึงไม่มาเล่นอีก

          เรื่องนี้ป้ายายเฉลยให้ฟังว่าใช้หนามยอกเอาหนามบ่ง  “เขาไปจ้างลิงกังตัวใหญ่มาเฝ้า ไม่ใช่จ้างลิงหรอก ก็จ้างเจ้าของลิงนั่นแหละให้พาลิงมาเป็นนักเลงคุมสปอตไลต์ ลิงบนเขาวังมันตัวเล็กกว่า ก็เลยกลัว ไม่กล้ามาแหยมอีก” 

            ปีพ.. ๒๕๓๐๓๑ เริ่มมีการนำเอาระบบเสียงที่ทันสมัยจากต่างประเทศเข้ามาใช้ในการแสดงแสงและเสียงในประเทศไทยทำให้สะดวกสบายในด้านเทคนิคการแสดงมากขึ้น



พัฒนาการก้าวสำคัญในการแสดงแสงและเสียงของ ททท. เกิดขึ้นอีกครั้งที่ปราสาทหินพิมาย จังหวัดนครราชสีมา ที่จัดขึ้นครั้งแรกในปีพ..๒๕๓๓ ก่อนจะมีการปรับรูปแบบการแสดงใหม่ชนิด ยกเครื่องเมื่อพี่อิ๊น พงศธร เกษสำลีเข้ามาดูแลรับผิดชอบอย่างเต็มตัวในปีต่อมา

ชื่อวิมายนาฏการนี่พี่เป็นคนตั้งให้ตั้งแต่จัดแสดงครั้งแรก ตอนนั้นก็มาช่วยดูเรื่องแบบชุดให้  พอมาทำเองก็เลยทำบทการแสดงใหม่สองคนกับเล็ก (กรุณา เดชาติวงศ์ ฯ อยุธยา) เพราะเห็นจากครั้งแรกว่าการแสดงพวกโขนอะไรนี่ไม่เข้ากับฉากหลังที่เป็นปราสาทหิน  แล้วก็เห็นว่าไหน ๆ ดึงความสนใจด้วยการแสดงแสงและเสียงล้วน ๆ ไม่ได้แล้ว ก็เลยดึงเอาการแสดงขึ้นมาเป็นหลักเสียเลย ทำเป็นชุดการแสดงสั้น ๆ แต่เกี่ยวข้องกับประวัติความเป็นมาของปราสาทหินพิมาย ให้แสงและเสียงเป็นฉากไปดนตรีประกอบก็ใช้ดนตรีไทยล้วน ผสมวงแบบระบำโบราณคดีลพบุรี

เริ่มด้วยเล่าเรื่องอารยธรรมขอม ตามด้วยการแพร่ขยายเข้ามาในบริเวณประเทศไทย  กำเนิดเมืองพิมาย แล้วก็ชวนชมพิมาย ตอนถึงทับหลังศึกพรหมมาสตร์ ก็ปล่อยการแสดงใหม่ ที่เราสร้างขึ้นมา เรียกว่ารามายณะ ไม่กล้าเรียกว่าโขน เพราะเราถอดแบบเครื่องแต่งตัวออกมาจากภาพจำหลักบนปราสาท เป็นแบบขอม  ได้อาจารย์เสรี หวังในธรรมเขียนบทในส่วนนี้ให้  ใช้นักแสดงจากวิทยาลัยนาฏศิลป์ แล้วก็ตอนที่กล่าวถึงสิ่งที่สืบทอดมาถึงปัจจุบันจากการกวนเกษียรสมุทรในจำหลักของขอม มาเป็นพระราชพิธีอินทราภิเษกของไทย  กลายมาเป็นประเพณีดึงครกดึงสากของพื้นบ้าน เราก็ใช้วงดนตรีอีสานใต้แบบวงกันตรึมเป็นหลัก ให้ฟังดูเป็นเขมร โดยใช้วงดนตรีแบบอีสานเหนือเป็นแบ็กอัพให้หนักแน่นขึ้น

ความจริงไม่ใช่แค่แสงและเสียง ที่พิมายครั้งนี้ยังมีกลิ่นด้วย ขบวนแห่พระพุทธรูปนาคปรกพราหมณ์โกญทัญญะมีการจุดกำยานจริง แถมเรายังมีจุดแอบไว้ใต้ที่นั่งคนดูอีกส่วนหนึ่ง คนดูก็จะได้กลิ่นด้วย ก็ฮือฮากัน
             แม้ว่าเป็นยุคที่เทคนิคแสงเสียงทันสมัย แต่ก็ยังมีเรื่องเบื้องเรื่องฉากการแสดงอีกจนได้
ขอยืมสังข์จากสำนักพระราชวังมาพราหมณ์ถือประกอบในขบวนแห่ เวลาอยู่บนเวทีมองไม่เห็นเลยเพราะขนาดเล็ก ก็เลยต้องทำเองขึ้นมา ใช้โฟมเหลาเป็นสังข์พอกด้วยปูนปลาสเตอร์ให้อันใหญ่ ๆ ให้มองเห็นได้ชัด ๆ เป็นสังข์ยักษ์ แต่เป่าไม่ได้ ลองเป่าสังข์จริงอัดเสียงออกมาแล้วเสียงไม่เพราะ ดังปูด ๆ ท้ายสุดก็เลยต้องเอาขวดโค้กมาเป่าแทนได้เสียงเพราะกว่า ส่วนบัณเฑาะก์นี่ไม่ได้ยืม ทำเองนะ ใช้ท่อนไม้มาทำด้าม ตรงกลางเอาชามก๋วยเตี๋ยวหันก้นชนกัน บุด้วยกระดาษ ทาสีเสียเหมือนจริง เป็นบัณเฑาะก์ยักเหมือนกัน เห็นชัดเชียว แต่ไกวแล้วดังปุ ๆ เวลาแสดงก็ต้องอัดเสียงกลองแขกธรรมดาแทน

บางเรื่องก็เป็นปรกฏการณ์ลึกลับเหนือคำอธิบายใด ๆ  

ตอนแรกก่อนแสดงก็ว่าจะจัดพิธีบวงสรวงแบบพราหมณ์ แต่ไป ๆ มา ๆ ยุ่งยาก ก็เลยจัดการทำสังฆทานใหญ่แทน กรวดน้ำกันตรงนั้น วันแสดงจริงมีท่านรัฐมนตรีกร ทัพพะรังสีมาชมการแสดงอยู่ด้วย ปรากฏว่าพอถึงฉากชักนาคดึกดำบรรพ์ซึ่งตามคิวก็จะต้องมีฟ้าแลบฟ้าร้อง ปรากฏว่าฟ้าแลบฟ้าร้องจริงแล้วก็มีลมพายุเข้ามาด้วย พัดใบไม้ปลิวเข้ามาเป็นแนวเฉียง ๆ ตามแนวของเวที ฝนก็โปรยสายลงมาเป็นละออง มิหนำซ้ำพอถึงท่ารำสุดท้าย ฝนก็หยุด  คนดูก็ชอบใจปรบมือกันใหญ่ นึกว่าเป็นเทคนิคพิเศษของ ททท.เสร็จการแสดงครูนาฏศิลป์มาบอกว่าเป็นปรากฏการณ์ที่เกิดเมื่อกี้ ปกติจะเกิดในเวลาพิธีกรรมศักดิ์สิทธิ์ เช่นพิธีไหว้ครู ฝนตกไม่เปียกอย่างนี้ เรียกว่าพระอิศวรเสด็จ

ถือว่าเป็นพัฒนาการเข้าสู่การแสดงละครประกอบแสงและเสียง (Dramatic Light & Sound Presentation) อย่างเต็มรูปแบบ และเป็นการแสดงแสงและเสียงที่ประสบความสำเร็จสูงเป็นที่กล่าวขวัญอีกรายการหนึ่ง

แต่ก็ไม่ใช่ว่าทุกที่จะจัดแสดงแบบเดียวกันนี้ได้ การแสดงที่ปราสาทพนมรุ้ง จังหวัดบุรีรัมย์ ที่จัดขึ้นหลังจากพิมายในเวลาไล่เลี่ยกันก็ยังใช้รูปแบบการแสดงแสงและเสียงแบบจินตภาพเช่นเดียวกับที่สุโขทัยอยู่ นั่นสือใช้การการสาดส่องแสงไฟและการบรรยายเรื่องราวของความเชื่อเกี่ยวกับเทพเจ้าในศาสนาพราหมณ์ ศิวะนาฏราช  และการสร้างเทวาลัย เชื่อมโยงไปกับนครวัดนครธมของขอมโบราณ  เน้นการแสดงแค่ในส่วนของขบวนแห่พระนางภูปตีนลักษมีเทวี ที่เป็นราชวงศ์ในท้องถิ่นเสด็จขึ้นมาสักการะเทวาลัยบนยอดเขาเท่านั้น

ก็ต้องดูตามความเหมาะสม อย่างพนมรุ้งปราสาทอยู่บนภูเขา ขนอุปกรณ์ขึ้นไปยาก พื้นที่การแสดงและพื้นที่รองรับผู้ชมก็น้อย จัดใหญ่อย่างที่พิมายก็คงจะลำบาก

ที่มีการแสดงเป็นหลักในลักษณะเดียวกับพิมายอีกแห่งหนึ่งก็คือในงานเทศกาลดอกลำดวน จังหวัดศรีสะเกษ  .. ๒๕๓๓  จัดขึ้นในสวนสมเด็จพระศรีนครินทร์ เป็นดงดอกลำดวนที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยพื้นที่พันกว่าไร่ ช่วงเดือนมีนาคมดอกลำดวนจะบานส่งกลิ่นหอมฟุ้งไปทั่วบริเวณ  เป็นการจัดแสดงแสงและเสียงที่แตกต่างออกไปจากที่เคยจัด เพราะจัดในพื้นที่ไม่มีโบราณสถาน เหมือนกับที่อื่น ๆ มีเพียงการเรื่องราวตามตำนาน จึงต้องมีการสร้างฉากเป็นปราสาทหินขึ้นมา เพื่อประกอบการแสดงแสงและเสียง เรื่องศิวะราตรีแห่งศรีพฤทเธศวร ถือว่าการแสดงล้วน ๆ เป็นหลักอย่างแท้จริง

               ปลายปีพ.. ๒๕๓๔ การแสดงแสงและเสียงอยุธยายศยิ่งฟ้าก็คืนชีพกลับมาอีกครั้ง ในงานฉลองอยุธยามรดกโลกที่วัดมหาธาตุ  คราวนี้ททท. เราปรับให้มีขบวนแห่อย่างยิ่งใหญ่อลังการ

              “สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาทรงถามว่าจัดแสดงแสงและเสียงทีไรทำไมพูดถึงแต่เรื่องสูญเสีย  ก็เลยต้องมีการปรับปรุงบทกันเป็นการใหญ่ให้เน้นไปที่ความเจริญรุ่งเรืองในสมัยอยุธยามากขึ้น ในคราวนี้สมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถเสด็จทอดพระเนตรด้วย

              พี่ชาย สมชาย ชมพูน้อย ผู้อำนวยการกองสร้างสรรค์กิจกรรมคนปัจจุบัน ผู้คลุกคลีกับงานแสดงแสงเสียงมาตั้งแต่เริ่มต้นชีวิตการทำงาน เล่าถึงบรรยากาศเบื้องหลังในยุคที่อุปกรณ์การแสดงแสงเสียงเพียบพร้อมทันสมัย

             “พอไม่ต้องไปวุ่นวายกับการสร้างควันสร้างไฟอย่างสมัยก่อน เราก็เล่นกับสัตว์เยอะขึ้นเพื่อความสมจริง มีการเอาไก่ หมา ม้า ช้างมาเข้าร่วมการแสดงในฉากด้วย  มีฉากหนึ่งเราต้องใช้เสียงช้าง ปรากฏว่าเสียงเอฟเฟคต์ช้างไม่มี ก็เลยต้องไปหาอัดเสียงจากช้างจริง ๆ แต่ทำยังไงช้างก็ไม่ร้อง เลยเอาช้างแม่ลูกมา จับตัวลูกแยกจากตัวแม่ ได้ผล ช้างลูกก็ร้อง เราอัดเสียงได้มาก็คิดว่าเสียงช้างร้องคงจะเหมือน ๆ กัน ที่ไหนได้ พอเอาเสียงมาเปิดตอนแสดง ปรากฏว่าช้างในขบวนแตกตื่นกันใหญ่ เสียงลูกช้างคงจะร้องบอกว่าอันตรายหรืออะไรสักอย่าง ช้างก็มีภาษาของมัน เราฟังไม่รู้เรื่องเอง



ททท. ยังได้จัดงานแสดงแสงและเสียงให้หลายจังหวัด บางงานก็เป็นงานเฉพาะกิจ  ไม่ว่าจะเป็นการแสดงแสงและเสียงในงาน๒๐๐ ปี อุบลราชธานี จังหวัดอุบลราชธานี ในปีพ.ศ. ๒๕๓๕   งานอุดร ฯ  ๑๐๐ ปี ของจังหวัดอุดรธานี ในพ.. ๒๕๓๖  นำเสนอเรื่องประวัติเมืองอุดรธานี ในรอบ ๑๐๐ ปี นับตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ ๕  และงานเบิกฟ้าหริภุญไชย นำเสนอประวัติความเป็นมาของอาณาจักรหริภุญไชยและพระนางจามเทวี จังหวัดลำพูน พ.ศ. ๒๕๓๘

บางงานดูเหมือนเป็นงานเฉพาะกิจ แต่ต่อมาทางจังหวัดก็ได้รับไปจัดกลายเป็นงานที่ต่อเนื่องมาก็มี เช่น งานมรดกโลกบ้านเชียง ซึ่งจัดในช่วงปีพ.. ๒๕๓๖ บริเวณพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติบ้านเชียง เล่าเรื่องความเชื่อของบ้านเชียง ความเป็นมาของดินแดนสุวรรณภูมิในยุคก่อนประวัติศาสตร์ จากยุคหินพัฒนามาสู่ยุคเหล็ก โดยใช้ข้อมูลจากหลักฐานทางโบราณคดีที่ขุดพบ แสดงถึงวิถีชีวิตความเป็นอยู่บ้านเรือน ก่อนที่ทั้งหมดจะขาดช่วงถูกเก็บงำไว้ใต้พื้นพิภพจนกระทั่งเวลาลาวงมากว่าสามพันปีจึงถูกฝรั่งขุดค้นพบความลับที่ซ่อนอยู่   

พักหลังการแสดงแสงและเสียง ฮิตมากสุดขีด ถึงขนาดแทบทุกจังหวัดอยากให้ททท. ไปจัดการแสดงแสงและเสียงให้ ทั้งที่บางจังหวัดไม่ได้มีความเหมาะสมที่จะจัดได้เลยแม้แต่น้อย นานเข้าไม่ใช่แค่เฉพาะจังหวัดต่าง ๆ เท่านั้น ยังลุกลามไปถึงหน่วยงานต่าง ๆ ที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องท่องเที่ยวด้วย
ตำรวจจราจรก็ยังมี เขาจัดอบรมสัมมนาในหอประชุม แล้วก็ติดต่อมาว่าอยากให้ททท. ไปจัดแสดงแสงและเสียงให้ ก็ต้องตอบปฏิเสธไป โธ่ จะจัดเข้าไปได้ยังไง

             และด้วยความนิยมทำให้นักวิชาการออกมาทักท้วงในเรื่องของการจัดแสดงแสงและเสียงทำลายโบราณสถาน สิ่งแวดล้อม  ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว คณะทำงานแสงและเสียงนั้นมีการวางแผนป้องกันอย่างรอบคอบในทุกขั้นตอน

โดยเฉพาะอย่ายิ่งในช่วงหลัง ททท. ยังได้มีการตั้งระเบียบกฏเกณฑ์การจัดแสดงแสงและเสียงเพื่อใช้ในการพิจารณาให้ความสนับสนุนการจัดแสดงแสงและเสียงในพื้นที่ต่าง ๆ เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายและผลกระทบต่อโบราณสถานตลอดจนสภาพแวดล้อมอย่างแท้จริงอีกด้วย


เปลี่ยนผ่านสู่การแสดงแสงเสียงของท้องถิ่น
             
               ในช่วงของผู้ว่าฯ ททท. ภราเดช พยัฆวิเชียร การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยเห็นว่าการแสดงแต่ละครั้งต้องใช้งบประมาณมากและใช้ได้เป็นเทศกาลเท่านั้น นอกจากนั้นยังมีปัญหาความไม่เข้าใจ

ตามระเบียบแล้วเวลาททท. ไปจัดงานที่ไหนก็ตามจะเก็บเงินเข้าททท. ไม่ได้ ส่วนใหญ่ก็จะหักเอาแต่ค่าใช้จ่ายแล้วที่เหลือก็จะมอบให้จังหวัดไป แต่ทีนี้บางครั้งบางจังหวัดจัดแล้วไม่ได้กำไร ก็เลยไม่มีเงินเหลือที่จะให้ ทางจังหวัดก็ไม่เข้าใจว่าทำไมททท. ไม่ให้เงิน จริง ๆ แล้ว ททท. เราขาดทุนด้วยซ้ำ
จึงเป็นที่มาของนโยบายที่จะย่อส่วนการแสดงแสงและเสียงเป็นมินิไลต์แอนด์ซาวนด์แบบเฉพาะกิจ เพื่อให้ท้องถิ่นดูแลจัดการเองได้ โดยในช่วงแรกททท. ลงทุนจัดสร้างอุปกรณ์ เครื่องไม้เครื่องมือจำพวกแถบเส้นเสียง ระบบไฟ และรูปแบบการแสดงให้ จากนั้นให้ท้องถิ่นดำเนินการจัดแสดงได้ ซึ่ง ททท.เองยังคงช่วยสนับสนุนในด้านการตลาด ด้วยการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ให้อีกทางหนึ่ง
            
             มินิไลต์แอนด์ซาวนด์นี้ถือเป็นพัฒนาการขั้นที่ ๔  เรียกว่า การแสดงแสงและเสียงขนาดเล็ก (Mini Light & Sound Presentation) เป็นการย่อขนาดการแสดงให้เล็กลงทั้งในด้านการแสดงประกอบ เทคนิคระบบแสงเสียง และระยะเวลาการแสดง ถึงแม้ว่าจะรองรับผู้ชมได้จำกัด แต่ก็ได้เปรียบตรงที่จัดได้หลายครั้ง (ว่าง่าย ๆ ก็คือทัวร์มาลงเมื่อไหร่ก็จัดให้ดูได้เมื่อนั้นเพราะว่าต้นทุนต่อรอบต่ำ ที่สำคัญคือคนในท้องถิ่นมีส่วนร่วมอย่างเต็มที่ จัดเอง แสดงเอง เก็บตังค์เอง เป็นการกระจายอำนาจการจัดแสงเสียงและรายได้สู่ท้องถิ่น  ได้แก่

วิมายนาฏการ จังหวัดนครราชสีมา บริเวณเดียวกับการแสดงชุดใหญ่คืออุทยานประวัติศาสตร์พิมาย อำเภอพิมาย จังหวัดนครราชสีมา นำเสนอเรื่องราวความเจริญรุ่งเรื่องเมื่อครั้งอดีตกาลของเมืองพิมาย ในฐานะเมืองสำคัญของอาณาจักรขอมโบราณ จุดเด่นอยู่ตรงการแสดงที่นำเอาท่วงท่าจากภาพจำหลักจากปราสาทหินพิมายมาถ่ายทอดเป็นนาฏลีลาอย่างมีชีวิตชีวา

อาข่าคนภูเขา จังหวัดเชียงราย บริเวณศูนย์พัฒนาและสงเคราะห์ชาวเขาจังหวัดเชียงราย ตำบลป่าซาง อำเภอแม่จัน จังหวัดเชียงราย นำเสนอเรื่องราววิถีชีวิตและวัฒนธรรมของชาวไทยภูเขาเผ่าอาข่า ในรูปของการแสดงประกอบแสง  สี เสียงขนาดเล็ก ที่สามารถจัดแสดงได้ทุกโอกาสที่ต้องการ ใช้เวลาแสดง ๓๐ นาที โดยนักแสดงที่ร่วมในการแสดงเป็นชาวไทยภูเขาเผ่าอาข่าจากหมู่บ้านแสนสุข ซึ่งอาศัยอยู่บริเวณใกล้เคียง โดยเครื่องแต่งกายที่ใช้แสดงเป็นชุดจริงที่สวมใส่อยู่ในชีวิตประจำวัน สิ่งปลูกสร้างที่ใช้ ประกอบฉากก็สร้างด้วยฝีมือของชาวอาข่าแท้ ๆ ทั้งหมด

แสง เสียง สัญจรพระนครศรีอยุธยา รูปแบบการชมที่แตกต่างจากการแสดงแสง เสียง ในพื้นที่อื่น โดยใช้รถพ่วงเป็นพาหนะ นำชมการแสดงตามเส้นทางสถานที่สำคัญในอดีต เช่น แยกตะแลงแกง วัดพระราม วัดศรีสรรเพชญ์ วัดมหาธาตุ วัดราชบูรณะ และจุดชนช้างของเจ้าอ้ายเจ้ายี่ เป็นต้น ซึ่งแต่ละแห่งมีการ Light up โบราณสถาน และการแสดงประกอบ มาสิ้นสุดที่คุ้มขุนแผนเพื่อรับประทานอาหารมื้อค่ำแบบชาววัง และชมการแสดงศิลปวัฒนธรรมไทย

ศิวะราตรีแห่งศรีพฤทเธศวร จังหวัดศรีสะเกษ จัดขึ้นในบริเวณปราสาทสระกำแพงใหญ่ อำเภออุทุมพรพิสัย จังหวัดศรีสะเกษ นำเสนอเรื่องราวการก่อสร้างปราสาทสระกำแพงใหญ่ ของชนเผ่าเขมร ลาว ส่วย เยอ ตามความเชื่อในลัทธิไศวะนิกาย หรือ ลัทธิบูชาพระศิวะ จึงร่วมกันก่อสร้างมหาเทวาลัยอันศักดิ์สิทธิ์ เพื่อเป็นที่สถิตแห่ง "พระกมรเตง ชคตศรีพฤทเธศวร" เทพเจ้าแห่งจักรวาล และร่วมกันเฉลิมฉลองความรุ่งเรืองของดินแดนอันศักดิ์สิทธิ์ด้วยพลีกรรมบวงสรวงต่างๆ

ราตรีแห่งวัดอรุณ  กรุงเทพมหานคร ล่องเรือชม Light up สองฝั่งแม่น้ำ ก่อนที่จะไปชมการแสดงแสงเสียงที่วัดอรุณฯ ที่นำเสนอความเป็นมาของกรุงรัตนโกสินทร์ และวัดอรุณราชวราราม ราชวรมหาวิหาร ที่สถาปนาขึ้นมาตั้งแต่สมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย รัชกาลที่ ๒  นานกว่า ๒๐๐  ปี กับเรื่องราวของพระปรางค์วัดอรุณฯ เจดีย์ทรงปรางค์สูงใหญ่เต็มไปด้วยความสง่างามทางด้านสถาปัตยกรรมและความอลังการทางด้านศิลปกรรมที่สุดแห่งหนึ่ง ทั้งยังเป็นสัญลักษณ์ของประเทศไทยที่ทั่วโลกรู้จักจวบจนปัจจุบัน 



สุโขทัยไนท์ ในบริเวณวัดสระศรี อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย อำเภอเมือง จังหวัดสุโขทัย นำเสนอเรื่องราวประวัติของเมืองสุโขทัยตลอดจนราชวงศ์พระร่วง โดยแสดงให้เห็นถึงประวัติและจุดเด่นในแต่ละรัชกาล พร้อมทั้งสอดแทรกประเพณีและเทศกาลท้องถิ่นต่างๆ ของสุโขทัย เช่น การละเล่นกองมังคละ การทอดกฐิน เผาเทียนเล่นไฟ พร้อมทั้งการแสดงทางวัฒนธรรมที่งดงามตระการตาประกอบกับการเล่นพลุตะไลไฟพะเนียง  

วัฒนธรรมเรืองรอง บ้านหนองขาว จังหวัดกาญจนบุรี จัดแสดงบริเวณหมู่บ้านหนองขาว ตำบลหนองขาว อำเภอท่าม่วง จังหวัดกาญจนบุรี นำเสนอความเป็นมาของการก่อตั้งชุมชนบ้านหนองขาวตั้งแต่ครั้งสมัยกรุงศรีอยุธยา สะท้อนภาพวิถีชีวิตขนบธรรมเนียมประเพณี ทัศนคติ และความเชื่อดั้งเดิมของชุมชน ที่ยังคงมีการสืบทอดต่อกันมาหลายชั่วอายุคน อาทิ ประเพณีการโกนจุก การเล่นเพลงเหย่ย การร่อยพรรษา การทำขวัญข้าว เป็นต้น โดยนำเสนอในรูปแบบ การบรรยายประกอบการแสดง (ที่แสดงโดยชาวบ้านหนองขาวทั้งหมด) ผสมผสานกับเทคนิคแสง สี เสียงสมัยใหม่


ปีหน้าที่จะถึงนี้ทางททท.ก็มีโครงการว่าจะเพิ่มเติมการแสดงแบบมินิไลต์แอนด์ซาวนด์ที่นครศรีธรรมราชอีกแห่ง

นอกเหนือจากมินิไลต์แอนด์ซาวนด์แล้ว ททท.ก็ยังคงมีการริเริ่มการแสดงแสงและเสียงแบบใหม่  ๆ ต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง อย่างเช่นในปีพ.. ๒๕๔๒ ได้จัดการแสดงแสงและเสียงแม่น้ำของแผ่นดิน ที่เป็นการแสดงแสงและเสียงแบบสัญจร โดยใช้แม่น้ำเจ้าพระยาเล่าเรื่องราว ให้นักท่องเที่ยวนั่งเรือชมสถานที่สำคัญที่มีการ Light Up เป็นจุด ๆ ไป แต่ทำได้แค่ปีเดียว เพราะมีปัญหาเรื่องการจราจรทางน้ำติดขัด ปีต่อมาจึงเปลี่ยนไปจัดที่ท่าราชวรดิฐ โดยทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตน์ฯ ทรงเป็นองค์อุปถัมภ์ ก่อนจะยกเลิกการแสดงไปภายหลังเกิดเหตุการณ์คลื่นยักษ์สึนามิทางภาคใต้

ในปีพ..๒๕๔๙ ยังมีการจัดงานแสดงแสงและเสียงที่เชียงใหม่ต้อนรับการประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจรในชุดรัฐบาลทักษิณ ๑ ที่คุ้มขันโตก เป็นการแสดงประกอบแสงและเสียงเล่าเรื่องเมืองเชียงใหม่ในลักษณะการกินอาหารเย็นแบบขันโตกพร้อมชมการแสดงทางวัฒนธรรม
  
ในช่วงภาพยนต์เรื่องตำนานสมเด็จพระนเรศวรกำลังดัง ทางททท. ยังได้นำเอาเทคนิคการแสดงแสงและเสียงประยุกต์ใช้กับงานแสดงช้างที่สุรินทร์ เพิ่มเติมให้เป็นการแสดงประกอบเสียง (ไม่มีแสงเพราะเป็นการแสดงภาคกลางวันอีกด้วย จัดสร้างฉากอุปกรณ์ประกอบฉาก และตัดเสื้อผ้าให้ใหม่

ล่าสุดเป็นที่น่าดีใจที่ประเทศเพื่อนบ้านอย่างราชอาณาจักรกัมพูชายังมาศึกษาดูงานแสดงแสงเสียงของประเทศไทยเป็นตัวอย่าง เห็นว่าเอาไปจัดเป็นเทศกาลแสดงแสงและเสียงที่นครวัด เมืองเสียมเรียบในช่วงเดือนพฤศจิกายน ถึงเดือนมกราคมที่ผ่านมา เรียกว่างานแสดงแสงเสียงของไทยเรามีชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับในระดับอินเตอร์แล้วเหมือนกัน แม้จะเป็นใกล้ ๆ บ้านก็เถอะ

จะว่าไปผมเองก็ยังดูการแสดงแสงและเสียงได้ไม่หมดทุกแห่งทั่วไทย ว่าง ๆ คงต้องหาเวลาไปดูไปชมเอาไว้ให้ครบเป็นขวัญตา

คุณผู้อ่านล่ะครับ เคยดูกันหรือยัง



เอกสารอ้างอิง

การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย.อลังการแผ่นดินวัฒนธรรม.กรุงเทพฯ : ร่วมด้วยช่วยกัน,๒๕๔๓.
คณะทำงานจัดแสดงแสงและเสียงของ ททท. ข้อมูลพื้นฐานและหลักเกณฑ์สำหรับจัดการแสดงประเภทแสงและเสียง.การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
งานพัฒนาและสร้างสรรค์กิจกรรม. ข้อมูลการแสดงแสงและเสียง(ภาษาไทยและภาษาอังกฤษ).เอกสารเย็บเล่ม,๒๕๔๑.
สุรินทร์ คล้ายจินดา. การสร้างสื่อเผยแพร่วัฒนธรรมจากวิธีการศึกษาวิจัยและวิธีการสร้างเรื่องบันเทิงให้เป็นการแสดงแสงและเสียง จุลสารการท่องเที่ยว.ปีที่ ๑๖ เล่ม ๒  เมษายน-มิถุนายน ๒๕๔๐ หน้า ๔๓-๕๓.

ขอขอบคุณ

คุณสายสุนีย์ สิงหทัศน์ คุณพิชัย น้อยวัฒน์ คุณพงศธร เกษสำลี คุณศิริรักษ์ รังสิกลัส คุณสมชาย ชมพูน้อย และผู้เกี่ยวข้องทุกท่านที่ได้ให้ข้อมูลและอำนวยความสะดวกจนกระทั่งสารคดีเรื่องนี้สำเร็จลุล่วงไปด้วยดี

คู่มือนักเดินทาง

การแสดงแสงและเสียงชุดใหญ่ในงานประจำปีของแต่ละจังหวัดปัจจุบันการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยได้โอนให้ทางจังหวัดเป็นผู้ดูแลดำเนินการ โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยให้การสนับสนุนทางด้านประชาสัมพันธ์และเข้าไปดูแลปรับปรุงเมื่อมีการร้องขอจากทางจังหวัด ในส่วนการแสดงแสงและเสียงมินิไลต์แอนด์ซาวนด์ปีนี้มีกำหนดการจัดการแสดงดังนี้

วิมายนาฏการ จังหวัดนครราชสีมา จัดแสดงเดือนละรอบ ทุกเสาร์สัปดาห์สุดท้ายของเดือน ในระหว่างเดือนมิถุนายน ๒๕๕๑ -เดือนเมษายน ๒๕๕๒ บริเวณอุทยานประวัติศาสตร์พิมาย อำเภอพิมาย จังหวัดนครราชสีมา สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม จองบัตรชมการแสดง หรือติดต่อการจัดการแสดงรอบพิเศษสำหรับหมู่คณะ ได้ที่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เขต ๑ โทรศัพท์ ๐ ๔๔๒๑ ๓๖๖๖ ๐ ๔๔๒๑ ๓๐๓๐  สำนักงานเทศบาลตำบลพิมาย โทรศัพท์ ๐ ๔๔๔๗ ๑๑๒๑  อุทยานประศาสตร์พิมาย โทรศัพท์ ๐ ๔๔๔๗ ๑๕๖๘  ที่ว่าการอำเภอพิมาย โทรศัพท์ ๐ ๔๔๔๗ ๑๖๑๗  สมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดนครราชสีมา โทรศัพท์  ๐ ๔๔๒๕ ๒๐๒๐

สุโขทัยไนท์ จัดแสดงเดือนละรอบ ทุกเสาร์สัปดาห์แรกของเดือน ในระหว่างเดือนมิถุนายน ๒๕๕๑ ถึงเดือนเมษายน ๒๕๕๒ ภายในบริเวณวัดสระศรี อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย อำเภอเมือง จังหวัดสุโขทัย สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม จองบัตรชมการแสดง หรือติดต่อการจัดการแสดงรอบพิเศษสำหรับหมู่คณะ ได้ที่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงาน ททท. ภาคเหนือ เขต ๓ โทรศัพท์ ๐ ๕๕๒๕ ๒๗๔๒-๓ ชมรมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดสุโขทัย โทรศัพท์ ๐ ๕๕๖๑ ๓๐๗๕ -

อาข่าคนภูเขา จังหวัดเชียงราย จัดแสดงเดือนละรอบ ทุกเสาร์สัปดาห์ที่สองของเดือน ในระหว่างเดือนมิถุนายน ๒๕๕๑ -เดือนเมษายน ๒๕๕๒ บริเวณศูนย์พัฒนาและสงเคราะห์ชาวเขาจังหวัดเชียงราย ตำบลป่าซาง อำเภอแม่จัน จังหวัดเชียงราย  สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม จองบัตรชมการแสดง หรือติดต่อการจัดการแสดงรอบพิเศษสำหรับหมู่คณะได้ที่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยสำนักงานภาคเหนือเขต ๒  เลขที่ ๔๔๘/๑๖ ถนนสิงหไคล อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย  โทรศัพท์ ๐ ๕๓๗๑ ๗๔๓๓ และ ๐ ๕๓๗๔ ๔๖๗๔ -๕  หรือศูนย์สงเคราะห์ชาวเขาจังหวัดเชียงราย ดำบลป่าซาง อำเภอแม่จัน จังหวัดเชียงราย โทรศัพท์ ๐ ๕๓๖๖ ๐๓๖๐ 

แสง เสียง สัญจรพระนครศรีอยุธยา จัดแสดงในระหว่างเดือนสิงหาคม ๒๕๕๑ ถึงเดือนเมษายน ๒๕๕๒ บริเวณอุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม จองบัตรชมการแสดง หรือติดต่อการจัดการแสดงรอบพิเศษสำหรับหมู่คณะได้ที่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานภาคกลาง เขต ๖  โทรศัพท์ ๐ ๓๕๒๔ ๖๐๗๖-

ศิวะราตรีแห่งศรีพฤทเธศวร จังหวัดศรีสะเกษ จัดขึ้นในบริเวณปราสาทสระกำแพงใหญ่ อำเภออุทุมพรพิสัย จังหวัดศรีสะเกษ  จองบัตรชมการแสดง หรือติดต่อการจัดการแสดงรอบพิเศษสำหรับหมู่คณะได้ที่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานภาคตะวันออกเฉียงเหนือเขต ๒  อุบลราชธานี โทรศัพท์ ๐ ๔๕๒๔ ๓๗๗๐ ๐ ๔๕๖๓ ๘๓๒๒ หรือที่ สำนักศึกษาธิการอำเภออุทุมพรพิสัย โทรศัพท์ ๐ ๔๕๖๙ ๑๖๐๘  และสำนักงานองค์การบริหารส่วนตำบลกำแพง โทรศัพท์ ๐ ๔๕๖๓ ๘๒๘๖

ราตรีแห่งวัดอรุณ  กรุงเทพมหานคร จัดแสดงทุกวันในระหว่างเดือนกันยายน ๒๕๕๑ ถึงเดือนเมษายน ๒๕๕๒ บริเวณวัดอรุณราชวราราม ราชวรมหาวิหาร เขตบางกอกใหญ่ กรุงเทพมหานคร สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ งานพัฒนากิจกรรม กองสร้างสรรค์กิจกรรม การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย โทรศัพท์  ๐ ๒๒๕๐ ๕๕๐๐ ต่อ  ๓๔๖๐


วัฒนธรรมเรืองรอง บ้านหนองขาว จังหวัดกาญจนบุรี จัดแสดงเดือนละรอบ ทุกเสาร์สัปดาห์สุดท้ายของเดือน ในระหว่างเดือนกันยายน ๒๕๕๑ ถึงเดือนเมษายน ๒๕๕๒ บริเวณหมู่บ้านหนองขาว ตำบลหนองขาว อำเภอท่าม่วง จังหวัดกาญจนบุรี สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม จองบัตรชมการแสดง หรือติดต่อการจัดการแสดงรอบพิเศษสำหรับหมู่คณะ ได้ที่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานภาคกลาง เขต ๑  ถนนแสงชูโต ตำบลบ้านเหนือ อำเภอเมือง ฯ จังหวัดกาญจนบุรี โทรศัพท์  ๐ ๓๔๕๑ ๑๒๐๐ ๐ ๓๔๕๑ ๒๕๐๐ หรือที่ชมรมการท่องเที่ยวบ้านหนองขาว โทรศัพท์ ๐๘ ๑๒๙๑ ๐๓๘๕ ๐๘ ๑๓๘๔ ๔๘๖๕