Friday, June 10, 2016

ล่องเรือตามรอยเสด็จรัชกาลที่ ๕ กับนาวา “เดอะ รอยัล อันดามัน”

 เรือล่องไปท่ามกลางบรรยากาศอาทิตย์อัสดง

ภาคภูมิ น้อยวัฒน์...เรื่องและภาพ
            
          “ความประสงค์ที่จะมาเที่ยวครั้งนี้ ได้ปรารภมาแต่เมื่อออกมาเที่ยวปีกลายนี้ ด้วยได้ไปเที่ยวหัวเมืองตามฝั่งข้างตะวันออกแหลมทั่วแล้ว ยังไม่ทั่วแต่ข้างตะวันตกอย่างหนึ่ง...ครั้นขึ้นมาหลังสวน พระยาระนองมาพรรณนาถึงระยะทางที่ข้ามไปมาได้ใกล้ และทางโทรเลขที่ชุมพรตัดมาแล้ว จะไม่ต้องตัดทางใหม่อีกอย่างหนึ่ง...”

 บางส่วนจากข้อความพระราชหัตถเลขาของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ ที่ทรงบันทึกไว้ถึงการเสด็จยังเมืองระนอง  ปรากฏในพระราชนิพนธ์เรื่องระยะทางเสด็จพระราชดำเนินประพาสทางบก ทางเรือ รอบแหลมมลายู เมี่อรัตนโกสินทร์ศก ๑๐๙ หรือปีพ.ศ. ๒๔๓๓ 
 
 พระราชวังรัตนรังสรรค์จำลอง

ในการเสด็จครั้งนั้นพระยารัตนเศรษฐี (คอซิมก๊อง) เจ้าเมืองระนองได้สร้างพลับพลาที่ประทับรับเสด็จไว้บนเนินกลางเมืองด้วยไม้แก่นและเครื่องก่ออย่างแข็งแรงสวยงาม พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทอดพระเนตรแล้วถึงกับตรัสชมเชยว่า“...ทำงดงามมั่นคง สมควรจะเป็นวัง ยิ่งกว่าจะเป็นพลับพลา...”  จึงพระราชทานนามว่าพระราชวังรัตนรังสรรค์ และได้ประทับแรมอยู่ ๓ คืน คือในวันที่ ๒๓ – ๒๕ เมษายน ๒๔๓๓ ดังปรากฏรายละเอียดเส้นทางเสด็จบันทึกไว้

“ ...วันที่ ๒๑ เมษายน เสด็จผ่านพรมแดนรอยต่อระหว่างเมืองชุมพรกับเมืองกระบุรี   จนถึงบริเวณลำธารน้ำตกไปลงคลองเมืองกระบุรี ทรงจารึกพระปรมาภิไธยย่อ จปร.พร้อมศักราช ร.ศ. ๑๐๙ เสด็จไปประทับร้อนที่พลับพลาริมธารน้ำต้นคลองกระลี้ เสด็จถึงพลับพลาริมน้ำปากจั่น  
วันที่ ๒๒ เมษายน ทรงลงเรือพระที่นั่งกรรเชียงล่องตามลำน้ำปากจั่น เสด็จถึงตำบลน้ำจืดอันเป็นท่าเรือใหญ่เข้ามาค้าขายได้ เสด็จล่องเรือถึงปากคลองพระขยาง พรมแดนเมืองกระบุรีกับเมืองพม่า แล้วเสด็จประทับแรมที่ปากคลองเขมา
วันที่ ๒๓ เมษายน เสด็จถึงเกาะขวาง ทรงรับทราบปัญหาแผนที่ ที่ทางฝ่ายอังกฤษทำไม่ตรงกันกับหนังสือสัญญา ในเรื่องเกาะของไทยและของพม่า ทรงทอดสมอที่ใต้เกาะผี ปากอ่าวเมืองระนอง เสด็จแหลมเกาะสองซึ่งอังกฤษเรียกว่าวิกตอเรียปอยนต์ เสด็จเข้าปากอ่าวเมืองระนอง แล้วเสด็จโดยรถพระที่นั่งผ่านตลาด เสด็จถึงพลับพลาที่ประทับ (พระราชวังรัตนรังสรรค์)
วันที่ ๒๔ เมษายน เสด็จตลาดเก่า ถึงบ้านเก่าของพระยารัตนเศรษฐีซึ่งตั้งอยู่ที่หาดใกล้ฝั่งคลองต้นคลองซึ่งทำเหมืองแร่ดีบุก เวลาบ่ายทรงเสด็จบ่อน้ำร้อน
วันที่ ๒๕ เมษายน เสด็จบ้านใหม่ของพระยาระนอง
วันที่ ๒๖ เมษายน เสด็จที่ฝังศพพระยาดำรงสุจริตมหิศรภักดี (คอซู้เจียง) แล้วเสด็จต่อไปทอดพระเนตรการทำเหมือง เสด็จกลับลงเรือพระที่นั่งออกจากอ่าวระนองไปทอดสมอที่อ่าวภูจืด ใกล้กับเกาะวิกตอเรียปอยนต์ ...”

 ผู้โดยสารทยอยลงเรือเดอะ รอยัล อันดามัน

การเสด็จเมืองระนองของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวใน ร.ศ. ๑๐๙  ถือเป็นมหามงคลแก่ชาวเมืองระนองเป็นอย่างยิ่ง เพราะเป็นครั้งแรกที่พระมหากษัตริย์ในราชวงศ์จักรีเสด็จมาเยือนเมืองระนอง

เพื่อเป็นการรำลึกถึงเหตุการณ์อันเป็นมหามงคลดังกล่าว  จึงได้มีการจัดกิจกรรมล่องเรือตามรอยเสด็จรัชกาลที่ ๕ ร.ศ. ๑๐๙ ขึ้น โดยเดอะ รอยัล อันดามัน ทราเวล กลุ่มคนรุ่นใหม่ที่รักเมืองระนอง ได้นำเรือประมงเก่าแก่ของคุณประมินทร์ นทีธรที่สร้างจากไม้ตั้งแต่ปี ๒๔๙๐ และยังรักษาสภาพไว้เป็นอย่างดี  ให้ชื่อว่า “เดอะ รอยัล อันดามัน” มาดัดแปลงเป็นเรือท่องเที่ยวให้บริการกับนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ ในเส้นทางเดียวกับที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเคยเสด็จมาทรงล่องเรือเมื่อร้อยกว่าปีก่อน

 สีสันชาวประมง
 ดนตรีขับกล่อมตลอดทาง
 ของว่างและเครื่องดื่มพร้อมบริการ

เส้นทางล่องเรือเริ่มจากท่าเทียบเรือศุลกากรระนอง (ท่าประภาคาร ๘๐ พรรษา) ผ่านเกาะผีซึ่งสมเด็จพระศรีนครินทราพระบรมราชชนนี (สมเด็จย่า) เมื่อครั้งเสด็จมาประทับแรมได้พระราชทานชื่อใหม่ให้เป็นมงคลว่าเกาะสะระณีย์ สักการะเจ้าแม่กวนอิมสีทองเด่นสง่าอยู่บนเกาะ ชมวิถีชีวิตชุมชนชาวประมงและทิวทัศน์ของสองประเทศ ไทย – พม่า ผ่านเกาะเหลาที่ว่ากันว่ามีผลิตภัณฑ์ทีเด็ด ๓ ก. คือกะปิ กาหยู และกุ้งแห้ง ล่องไปท่ามกลางแสงทองของยามเย็นที่อาบไล้บริเวณเกาะหม้อ เกาะไร่ และเกาะช้าง ชมแสงสุดท้ายอันงดงามตระการตาของตะวันลับฟ้าเหนือผืนน้ำบริเวณเกาะสินไห แล้วจึงหันหัวเรือกลับเข้าฝั่ง

 เจ้าแม่กวนอิมบนเกาะสะระณีย์
 แสงงามยามอาทิตย์ลับฟ้า

 พิธีกรชวนผู้โดยสารร่วมสนุก


เพื่อให้ได้บรรยากาศย้อนยุคอย่างแท้จริงยิ่งขึ้น เมื่อขึ้นเรือมาจะมีบริการเครื่องแต่งกายในแบบ “เปอรานากัน” คือชุดพื้นเมืองแบบลูกครึ่งมลายู-จีนที่ใช้สวมใส่ในพิธีสำคัญต่าง ๆ ให้ผู้ร่วมเดินทางสวมใส่ โดยฝ่ายชายเป็นแบบนายเหมือง สวมเสื้อแขนยาวคอตั้ง สวมหมวกกะโล่ ฝ่ายหญิงเป็นเสื้อผ้าลูกไม้โปร่งหรือผ้าป่านแก้วฉลุลายดอกไม้ รอบคอ เอว และปลายแขน ผ้านุ่งปาเต๊ะสีสด  รอบมวยผมประดับด้วย “ฮั่วก๋วน”  มงกุฎประดับด้วยดอกไม้ไหวระยิบระยับตา 

 เครื่องแต่งกายย้อนยุคแบบเปอรานากัน

ระหว่างล่องไปบนผืนน้ำบนเรือยังมีการบรรเลงดนตรีขับกล่อมเบา ๆ สบาย ๆ โดยน้อง ๆ เยาวชนนักร้องนักดนตรีจากโรงเรียนสตรีระนองไปตลอดทาง พร้อมบริการเคาน์เตอร์เครื่องดื่มและอาหารว่างบนชั้นดาดฟ้าให้ดื่มกินแกล้มกับทิวทัศน์ท้องทะเลยามเย็น

หลังตะวันลับขอบฟ้าเข้าสู่สนธยาแล้วจึงเริ่มบริการเสิร์ฟมื้อค่ำใต้แสงเทียนสุดแสนโรแมนติก อร่อยลิ้นด้วยอาหารทะเลสด ๆ ที่คัดสรรมาเป็นอย่างดี ทั้งกุ้งหอยปูปลา  พ่วงด้วยอาหารพื้นเมืองระนองที่หากินได้ยาก อย่าง “ลอหมี่” ที่เจ้าเมืองระนองเคยทำถวายรัชกาลที่ ๕  “ลอกอยอก” ข้าวเหนียวส้มตำกินกับใบมะยม และขนมน้ำหอม ของหวานทำจากแป้งเส้นใส่สีดอกอัญชันใส่น้ำเชื่อมมะลิกุหลาบหอมชื่นใจ

 กุ้งค็อกเทล
ปูทะเลสดใหม่
 ลอกอยอก
 ขนมน้ำหอม

  ปิดท้ายรายการด้วยพิธีลอยพรกพร้าว พิธีโบราณของชาวเรือใช้กะลามะพร้าวใส่ดอกดาวเรืองจุดเทียน ลอยไปในผืนน้ำเป็นการขอบคุณที่ให้ชีวิตและอาชีพ รวมทั้งเป็นสิริมงคล ดวงไฟวอมแวมในกะลาที่ลอยล่องเป็นแถวบนผืนน้ำกว้างกลางความมืดเป็นภาพที่สวยงามน่าประทับใจ

 ลอยพกพร้าวแบบชาวทะเล


กิจกรรมล่องเรือตามรอยเสด็จรัชกาลที่ ๕ ร.ศ. ๑๐๙ โดยเรือเดอะ รอยัล อันดามัน  จัดให้มีขึ้นในเวลา ๑๖.๐๐ – ๒๐.๐๐ นาฬิกา ทุกวันศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ และวันหยุดราชการ รับผู้โดยสารเที่ยวละ ๒๘ คน (รับได้สูงสุด ๔๕ คน กรณีเหมาลำ) อัตราค่าบริการคนละ ๑,๒๙๙ บาท (ราคาอาจเปลี่ยนแปลงได้)  สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่โทรศัพท์ ๐๘ ๐๙๕๖ ๖๖๔๗ ๐๙ ๑๗๓๒ ๗๑๘๕  

 ถ่ายภาพหมู่เป็นที่ระลึกก่อนเข้าฝั่ง