Tuesday, May 20, 2014

เที่ยวเส้นทางเชียงใหม่-ปาย กับนักเขียน อ.ส.ท. กับโครงการ “เล่าเรื่องรักษ์ ฮักเมืองเหนือ”


“จุมออน” ...รายงาน  กมล ผาภูมิ วัชระ ทองนาค...ภาพ

เช้าตรู่ของวันแห่งความรัก สนามบินดอนเมืองคือจุดนัดหมายของคณะเดินทางในแพ็คเกจพิเศษ “ท่องเที่ยวกับนักเขียน อ.ส.ท.บนเส้นทางเชียงใหม่-ปาย-โครงการหลวงบ้านวัดจันทร์ ระหว่างวันที่  ๑๔-๑๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๗” อันเป็นรางวัลสำหรับผู้ชนะการประกวดกิจกรรมเขียนบล็อกในหัวข้อ “เล่าเรื่องรักษ์ ฮักเมืองเหนือ” เพื่อแบ่งปันประสบการณ์การท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ในภาคเหนือ ที่จัดขึ้นโดยกองตลาดภาคเหนือ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย เมื่อช่วงเดือนพฤศจิกายนถึงธันวาคม ๒๕๕๖ ที่ผ่านมา

คณะเดินทางนำโดยนางปนัดดา จันทร์ปัญญา ผู้อำนวยการกองตลาดภาคเหนือ นายภาคภูมิ น้อยวัฒน์ บรรณาธิการฝ่ายภาพ และนักเขียน ช่างภาพ ของ อ.ส.ท. พร้อมด้วยผู้ได้รับรางวัลประเภท Blog ยอดเยี่ยม ๕ รางวัล ได้แก่  คุณกมล ผาภูมิ จากเรื่อง “ทำหมอนใบชา ใช้ชีวิตช้าๆ ที่บ้านแม่กำปอง” คุณวัชระ ทองนาค จากเรื่อง “หอบลมไปห่มหมอก” คุณภัทราวุธ นิจเมืองปัก จากเรื่อง“ปั่นไปด้วยใจฮักแป้” คุณนัทธ์หทัย วนาเฉลิม จากเรื่อง “ตำมิละ...ตำอะไร...ตำทำไม” คุณพงศธร ธิติศรัณย์  จากเรื่อง “การเดินทางในร่องรอยของความคิด”  และรางวัล Popular Vote คุณวัชระ หวลประไพ จากเรื่อง “เป็นผู้รับมานาน ขอเป็นผู้ให้บ้าง คืนกำไรสู่ธรรมชาติ”  และคุณเกษิณี กิ่งนอก จากเรื่อง “ได้เรียนรู้ ได้เป็นผู้ให้ เที่ยวแสนสุขใจที่สุโขทัย เมืองพ่อขุน” ที่ได้รางวัลสำรองแทนผู้สละสิทธิ์  รวมกับกลุ่มผู้ติดตามและคณะทำงานทั้งหมดเป็น ๑๙  ชีวิต เหินฟ้าสู่สนามบินเชียงใหม่


รถตู้ ๓ คันที่มารอรับอยู่นำพาคณะฝ่าสายลมเย็นและแดดสีทองยามเช้ามุ่งหน้าสู่จุดหมายแรกคือวัดเด่นสะหลีศรีเมืองแกน หรือที่รู้จักกันในนามเดิมว่า “วัดบ้านเด่น”  ตำบลอินทขิล อำเภอแม่แตง ชมความอลังการของหลากหลายสถาปัตยกรรมอันผสมผสานศิลปะล้านนาดั้งเดิมเข้ากับสมัยใหม่ได้อย่างลงตัว ตระหง่านเรียงรายอยู่บนเนินเขาในเนื้อที่ ๘๐ ไร่แวดล้อมด้วยภูมิทัศน์สวยงามของทิวเขา จากแรงศรัทธาของพุทธศาสนิกชนที่มีต่อครูบาเทือง นาถสีโล เกจิดังแห่งล้านนา ก่อนจะแวะเติมพลังมื้อกลางวันกันที่แป้นเกล็ด คอฟฟี่ คอร์เนอร์  ร้านอาหารและกาแฟบรรยากาศร่มครึ้มเขียวขจี เสริมสีสันชีวิตชีวาด้วยฟาร์มแกะขนาดย่อม ๆ เปิดโอกาสให้นักท่องเที่ยวได้จำแลงกายเป็นเด็กเลี้ยงแกะเฉพาะกิจ



ผ่านทางขุนเขาคดเคี้ยวเข้าสู่อำเภอปาย แวะจิบกาแฟกินลมชมทิวทัศน์ของท้องทุ่งนากว้างใหญ่ในโอบล้อมของทิวเทือกดอยกันอีกครั้ง ที่ร้านกาแฟเล็ก ๆ  ในรีสอร์ตน้อยน่ารักบ้านปายนาปายตา ก่อน เข้าไปยังปายวิมาน รีสอร์ต ที่พักเพื่อนำสัมภาระไปเก็บ  จากนั้นพากันไปถวายสังฆทานกันที่วัดศรีดอนชัย อารามแห่งแรก สร้างขึ้นพร้อมเมืองปายในปี พ.ศ.๑๘๕๕ สักการะพระพุทธสิหิงค์ หรือ ”พระสิงห์เมืองปาย” พระเก่าแก่คู่บ้านคู่เมืองในวิหารสถาปัตยกรรมล้านนาบูรณะใหม่ประดับประดาด้วยลายปูนปั้นและจิตรกรรมฝาผนังอันสวยงาม ก่อนจะพากันตั้งขบวนในลานวัด ออกปั่นจักรยานเที่ยวรอบเมืองปายในสายลมหนาว บนทางลดเลี้ยวขึ้นลงตามเนิน ทอดผ่านท้องทุ่งและทิวเทือกเขาในแสงทองยามเย็น ไปสุดปลายทาง ณ ที่ว่าการอำเภอเมืองปาย
   

หลังอิ่มอร่อยกับมื้อเย็นในแบบพื้นเมืองบนดาดฟ้าของร้านปายสุดใจ  ก็เป็นช่วงเวลาอิสระ ซึ่งในวันนี้นอกจากเป็นวันแห่งความรักแล้วยังเป็นวันมาฆบูชาอีกด้วย แทบทุกคนในคณะจึงเลือกที่จะไปเวียนเทียนเพื่อความเป็นสิริมงคล ที่เมืองปายต่างกับที่อื่นตรงที่ไม่มีกำหนดเวลาการเวียนเทียนที่แน่นอน สะดวกเวลาไหนมาเวียนกันได้ตลอดเวลา โดยจะเริ่มเวียนเทียนกันตั้งแต่หนึ่งทุ่มเป็นต้นไป ในเมืองปายมีวัดเรียงรายกันอยู่ ๓ วัด คือ วัดกลาง วัดหลวง และวัดป่าขาม แต่ละวัดจะประดับประดาเจดีย์ประธานของวัดอันรายรอบด้วยมณฑปประดิษฐานพระประจำวันเกิดด้วยแสงไฟหลากสีสัน แลดูระยิบระยับตระการตาในยามค่ำคืน หลังจากเวียนเทียนเรียบร้อยหลายคนยังเพลิดเพลินต่อกับการจับจ่ายของฝากของที่ระลึกในถนนคนเดินเมืองปาย ที่อยู่ในย่านเดียวกันนั่นเอง


 รับอรุณในเช้าวันรุ่งขึ้นด้วยการเดินทางไปกันที่จุดชมทิวทัศน์หยุนไหล ห่างจากตัวเมืองปายประมาณ ๖กม. สูงจากระดับน้ำทะเลปานกลาง ๔๔๐ เมตร คำว่า หยุนไหลเป็นภาษาจีนกลาง หมายถึงแหล่งซึ่งเมฆหลากไหลมารวมอยู่ เสมือนดังชาวยูนนานที่ย้ายถิ่นฐานมาอยู่รวมกันที่นี่  ด้วยเส้นทางขึ้นเขาบางช่วงสูงชัน คณะจึงต้องเปลี่ยนจากรถตู้เป็นรถกระบะจากหมู่บ้านสันติชล ว่ากันว่าหากมาในช่วงฤดูหนาวจะได้เห็นทะเลหมอกผืนใหญ่สุดลูกหูลูกตา ทว่าแม้ไม่ปรากฏทะเลหมอก ดวงตะวันสีส้มกลมโตที่โผล่พ้นเทือกเขาซึ่งทอดตัวยาวอยู่ในหมอกบางยามเช้า ยังสร้างความประทับใจให้กับชาวคณะได้ไม่แพ้กัน


สาย ๆ เปลี่ยนบรรยากาศไปเรียนรู้วิถีชีวิตแบบพอเพียงที่ไฮ่อุ๊ยต๋าคำ  แหล่งเรียนรู้วิถีชีวิตที่พึ่งพิงธรรมชาติและกิจกรรมไม่พึ่งพาเทคโนโลยี ก่อตั้งโดยคุณสันโดษ สุขแก้ว อดีตพนักงานโรงงานในกรุงเทพฯ  ซึ่งไปทำงานต่างประเทศแล้วพบสัจธรรม หันกลับมาใช้ชีวิตเรียบง่ายในวิถีพอเพียงที่เมืองปาย  สร้างเป็นโฮมสเตย์ให้นักท่องเที่ยวต่างชาติได้เข้ามาเรียนรู้วิถีชีวิตเกษตรกรรม ปลูกข้าว ปลูกผัก เลี้ยงสัตว์  สร้างบ้านจากวัสดุธรรมชาติ และอื่น ๆ อีกมากมาย อาทิ หลักสูตรไม้ไผ่ สอนการใช้ไม้ไผ่มาประดิษฐ์เป็นเครื่องใช้ในชีวิตประจำวันอย่างง่าย ๆ  เช่น ช้อน ส้อม และถ้วยชาม น่าทึ่งตรงที่มีนักท่องเที่ยวไม่น้อยจากทั่วโลกข้ามน้ำข้ามทะเลเพื่อมาเรียนรู้การใช้วิถีชีวิตกลมกลืนกับธรรมชาติที่นี่  เพื่อให้เข้าบรรยากาศ มื้อกลางวันนี้ชาวคณะจึงได้ลองทำและลองชิมอาหารกลางวันแบบเรียบง่ายในวิถีพอเพียง ได้รสชาติไปอีกแบบ


จากอำเภอปาย มุ่งหน้าสู่อำเภอกัลยาณิวัฒนา ผ่านสะพานประวัติศาสตร์ปาย ซึ่งเดิมเป็นสะพานไม้สำหรับข้ามแม่น้ำปายสมัยสงครามโลกครั้งที่ ๒ กองทัพญี่ปุ่นใช้เป็นเส้นทางจากเชียงใหม่ผ่านอำเภอปายไปยังพม่า หลังสงครามสะพานหักพังไปจึงได้มีการนำชิ้นส่วนสะพานนวรัฐในตัวเมืองเชียงใหม่มาประกอบขึ้นไว้แทนที่  บนเส้นทางยังมีน้ำพุร้อนธรรมชาติแห่งใหม่ อยู่ชิดติดริมถนน ตามประวัติการไฟฟ้าฝ่ายผลิต (กฟผ.) เคยมาทำการเจาะสำรวจไว้ลึกประมาณ ๑๐๐ เมตร ตั้งแต่เมื่อ พ.ศ.๒๕๓๖ แต่น้ำพุร้อนพึ่งจะประทุขึ้นมาเมื่อวันที่ ๒๒ สิงหาคม ๒๕๕๖  พุ่งเป็นสาย สูงประมาณ ๑ เมตร กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวใหม่ มีร้านค้ามาตั้งขายไข่ไก่ให้นักท่องเที่ยวไปทดลองต้ม ลวก กันได้ตามอัธยาศัย  


  บ่ายแก่ๆ ค่อยมาถึงศูนย์พัฒนาโครงการหลวงวัดจันทร์  แหล่งส่งเสริมพัฒนาอาชีพและรายได้ให้เกษตรกรให้พออยู่พอกิน ในบริเวณศูนย์ฯ มีแปลงสาธิตทั้งผักและผลไม้ เพื่อทดสอบพืชพันธุ์ใหม่ ๆ เน้นความต้านทานโรคและคุณภาพผลผลิต  วิทยากรนำคณะเข้าเยี่ยมชมโรงคัดแยกผักและผลไม้  สวนสนสามใบ ไร่สตรอว์เบอรี่ที่ทุกต้นมีผลเต็ม ยังมีผลไม้อย่างส้ม มะม่วงนวลคำ สาลี่ พลับ พลัม  และอะโวคาโด แปลงผักหลากหลายชนิด เช่น ผักกาดหอมห่อ คะน้า กระหล่ำปลีรูปหัวใจ  


เข้าพักแรมที่บ้านพักโครงการหลวงบ้านวัดจันทร์ขององค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ (ออป.) ในโอบล้อมของขุนเขาและป่าสนเรียงราย รอบบริเวณตระการตาด้วยไม้ดอกสะพรั่งหลากสีสัน ป่าสนวัดจันทร์เป็น ๑ ใน ๑๐ ปลายทางในฝัน (Dream Destinations) ของ ททท. โดยมีจุดเด่นคืออ่างเก็บน้ำที่ผิวน้ำเรียบกริบใสราวกับกระจกสะท้อนเงาภูเขา ทิวสน และผืนฟ้าคราม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยามเช้าที่แสงแดดสีอำพันทาบทาทั่วอาณาบริเวณอ่างเก็บน้ำอันห่มคลุมด้วยม่านหมอก งดงามประดุจดินแดนในฝัน



วันสุดท้ายชาวคณะอำลาป่าสนวัดจันทร์ด้วยความอาลัยในตอนสาย ๆ ออกมาเติมพลังมื้อกลางวันด้วยสารพัดปลาและอาหารปักษ์ใต้ที่ร้านสวนหมอกฟ้า  ปิดท้ายรายการด้วยการแวะ วัดป่าดาราภิรมย์ ที่อำเภอแม่ริม ชมวิหารหลวงงดงามด้วยไม้แกะสลัก ลายปูนปั้นและลายคำแบบล้านนาประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ พระธาตุเจดีย์พระพุทธบาทสี่รอยซึ่งภายในประดิษฐานรอยพระพุทธบาทจำลอง และมณฑปพระจุฬามณีศรีบรมธาตุ (หอแก้ว) ที่ประดิษฐานพระทันตธาตุ ก่อนเหินฟ้ากลับสู่กรุงเทพฯโดยสวัสดิภาพพร้อมด้วยความประทับใจเต็มเปี่ยม 

การเดินทางไปกลับของคณะครั้งนี้ได้รับการสนับสนุนจากแอร์เอเชีย ซึ่งได้เปิดตัวบริการใหม่เที่ยวบินพร้อมรถรับส่ง (City transfer) ในเส้นทางไป-กลับ กรุงเทพ-ปาย และกรุงเทพ-สุโขทัย   สามารถจองตั๋วในครั้งเดียว โดยมีรถตู้จากสนามบิน สู่จุดรับส่งทั้ง ๒ เส้นทาง  เส้นทางไป-กลับ กรุงเทพ-ปาย นั้นจากสนามบินดอนเมืองบินมาลงที่เชียงใหม่ จากนั้นมีรถตู้จากสนามบินเชียงใหม่พาไปยังสถานีขนส่งปาย


           สนใจร่วมเดินทางในกิจกรรมสนุกสนานอย่างนี้ในครั้งต่อไป  ติดตามข่าวสารการประกวดรวมทั้งรายละเอียดต่าง ๆ ของกิจกรรมได้ที่ www.facebook.com/osotho และ http://gonorththailand

No comments:

Post a Comment