“เกียรติมุข” …รายงาน
ตีพิมพ์ครั้งแรกในอนุสาร อ.ส.ท. ปีที่ ๕๔ ฉบับที่ ๑๐ ประจำเดือนพฤษภาคม ๒๕๕๗
นายเอนก สีหามาตย์
อธิบดีกรมศิลปากรเป็นประธานในพิธีเปิดงานและการจัดกิจกรรมเนื่องในวันสถาปนากรมศิลปากร
ประจำปี ๒๕๕๗ เมื่อวันพฤหัสบดีที่ ๒๗ มีนาคมที่ผ่านมา บริเวณพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร พร้อมมอบประกาศนียบัตรและของที่ระลึกให้กับสื่อมวลชนในสาขาต่าง
ๆ ที่ได้ช่วยเผยแพร่ข้อมูลในด้านการอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมของชาติ โดยมีนายภาคภูมิ
น้อยวัฒน์ บรรณาธิการฝ่ายภาพอนุสาร อ.ส.ท. เป็นตัวแทนของอนุสาร อ.ส.ท.เข้ารับมอบประกาศนียบัตรจากอธิบดีกรมศิลปากร
ในฐานะสื่อสิ่งพิมพ์ที่ได้นำเสนอเรื่องราวภารกิจการดำเนินงานของกรมศิลปากรในด้านการอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมของชาติอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด
บริเวณลานโดยรอบพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร ยังเปิดให้ประชาชนทั่วไปเข้าเที่ยวชมงาน
ระหว่างวันที่ ๒๗ – ๒๙ มีนาคม ซึ่งภายในงานมีการออกร้านโดยหน่วยงานในสังกัดกรมศิลปากรจากทั่วประเทศ
แบ่งเป็นนิทรรศการจัดแสดงผลงาน ร้านหนังสือเกี่ยวกับประวัติศาสตร์
โบราณคดี และศิลปวัฒนธรรมอันทรงคุณค่าจากหลากหลายท้องที่
รวมทั้งผลิตภัณฑ์และสินค้าที่ระลึกทางวัฒนธรรมในท้องถิ่นต่าง ๆ จากทุกภูมิภาคทั่วประเทศ เช่น เครื่องเงิน เครื่องปั้นสังคโลก ผ้าทอพื้นเมือง
และอาหารพื้นเมือง ได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศที่ชื่นชอบด้านศิลปวัฒนธรรมแวะเวียนเข้ามาเยี่ยมชมตลอดเวลาตั้งแต่วันแรกจนวันสุดท้าย
กรมศิลปากรสถาปนาขึ้นโดยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว
เมื่อวันที่ ๒๗ มีนาคม พ.ศ.๒๔๕๔ โดยทรงรวมงานช่างประณีตศิลป์จากกรมโยธา
กระทรวงโยธาธิการเข้ากับกรมพิพิธภัณฑ์จากกระทรวงธรรมการ ตั้งขึ้นเป็นกรมศิลปากร
และต่อมาได้โปรดให้โอนกรมช่างมหาดเล็กจากกระทรวงวังเข้ามารวมอยู่ด้วย ต่อมาในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว
รัชกาลที่ ๗ ได้โปรดให้รวมกรมศิลปากรเข้ากับหอสมุดสำหรับพระนคร
แล้วเปลี่ยนชื่อเป็นราชบัณฑิตยสภา กระทั่งปีพ.ศ. ๒๔๗๖
จึงได้มีพระราชบัญญัติจัดตั้งกรมศิลปากรขึ้นมาอีกครั้งโดยรวมงานนาฏศิลป์และดุริยางคศิลป์ในราชสำนัก
สังกัดกรมต่าง ๆ ได้แก่ กรมโขน กรมหุ่น
กรมรำโคม กรมปี่พาทย์ และกรมแตรสังข์ ที่เรียกโดยรวมว่ากรมมหรสพ สังกัดกรมมหาดเล็ก
กระทรวงวัง มาเป็นกองในสังกัดกรมศิลปากรด้วย
ปัจจุบันกรมศิลปากรจึงเป็นหน่วยงานของรัฐที่มีหน้าที่หลักในการทำนุบำรุงรักษา
อนุรักษ์ ฟื้นฟู ส่งเสริม และสร้างสรรค์
ศิลปวัฒนธรรมของชาติในทุกสาขาให้ยั่งยืนอย่างสง่างาม โดยล่าสุดทางกรมศิลปากรได้มีการปรับรูปแบบภารกิจเพื่อรองรับยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศที่รัฐบาลได้กำหนดขึ้นในปีพ.ศ.
๒๕๕๖โดยนำผลงานที่เกิดจากภารกิจทำนุบำรุงอนุรักษ์ฟื้นฟูมรดกทางวัฒนธรรมมาต่อยอดเพื่อให้เกิดประโยชน์ในแง่เศรษฐกิจแก่ชุมชนใกล้เคียง
มีการเรียนรู้
สร้างภูมิปัญญาในการอนุรักษ์และสร้างสรรค์มรดกทางวัฒนธรรมให้มีคุณค่ากับชุมชนตลอดไป
โครงการนำร่องที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวของกรมศิลปากรในปีพ.ศ.
๒๕๕๗เบื้องต้นกำหนดไว้ ๕ โครงการ ได้แก่
โครงการพัฒนาเมืองวัฒนธรรมเพื่อการท่องเที่ยวสุโขทัย ศรีสัชนาลัย กำแพงเพชร
โครงการพัฒนาอุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา
โครงการพัฒนาเกาะเกร็ดเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม
โครงการส่งเสริมการท่องเที่ยววิถีชีวิตและอัตลักษณ์ลุ่มแม่น้ำสะแกกรัง และโครงการพัฒนาโรงแรมในสถานีรถไฟหัวลำโพง
ซึ่งโครงการต่าง ๆ เหล่านี้อนุสาร อ.ส.ท.
จะได้ติดตามความคืบหน้านำมาเสนอในโอกาสต่อไป
No comments:
Post a Comment