ประติมากรรมนูนต่ำกระบวนแห่อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุขึ้นประดิษฐานบนดอยสุเทพ |
ภาคภูมิ น้อยวัฒน์... ชวนแวะและชวนชม
ตีพิมพ์ครั้งแรกในอนุสาร อ.ส.ท. ฉบับเดือนมกราคม ๒๕๕๘
ไม่ใช่เรื่องง่ายที่ชุมชนที่ประกอบอาชีพหัตถกรรมแบบดั้งเดิมจะยังคงอยู่ได้ในเมืองสมัยใหม่ที่มีการเติบโตอย่างรวดเร็ว
โดยเฉพาะในย่านที่แทบจะเรียกได้ว่าเป็นศูนย์กลางของเมืองท่องเที่ยว
แต่ที่ชุมชนวัวลาย
จังหวัดเชียงใหม่ ในวันนี้รากเหง้าของหัตถศิลป์เครื่องเงินที่สืบเนื่องกันมานับหลายร้อยปี
นับแต่พญามังรายสถาปนานพบุรีศรีนครพิงค์เชียงใหม่เป็นราชธานี ไม่เพียงจะยังคงอยู่เท่านั้น
ทว่ายังงอกงามแผ่กิ่งก้านสาขาผสมกลมกลืนกับความเป็นไปของโลกปัจจุบันได้อย่างสง่างาม
หัตถกรรมเครื่องเงินแบบวัวลายนั้นมีความเป็นอัตตลักษณ์ของท้องถิ่นอย่างเด่นชัด
คือนิยมทำลวดลายเป็นเรื่องราววิถีการดำเนินชีวิตแบบพื้นบ้าน ด้วยเทคนิคเฉพาะ เรียกว่า
บุ หรือ ดุน บนพื้นผิวบนผลิตภัณฑ์เครื่องเงินหนึ่งชั้น สองชั้น และสามชั้น เกิดลายนูนสูงนูนต่ำ
แลเห็นเป็นหลายมิติได้ในชิ้นเดียว งดงามอย่างมหัศจรรย์
อาคารพิพธภัณฑ์เครื่องเงินวัวลาย ในวัดหมื่นสาร |
แต่น้อยคนที่จะรู้ ว่ามรดกทางวัฒนธรรมอันทรงคุณค่าของชาติชนิดนี้
เกือบที่จะต้องสาบสูญจากแผ่นดินไปตลอดกาลแล้ว เมื่อไม่กี่ปีก่อนหน้า
“ประมาณปี ๒๕๕๓ งานหัตถกรรมเครื่องเงินวัวลายตกอยู่ในสภาวะวิกฤต
เนื่องจากสินค้าเครื่องเงินไม่ใช่สิ่งจำเป็นในชีวิตประจำวัน
เพราะมีวัสดุที่มาใช้ทดแทนได้ในราคาถูกกว่า
และราคาของเม็ดเงินวัตถุดิบสำคัญสูงขึ้นจากแต่เดิมกรัมละ ๙๐-๑๐๐ บาทเศษ ๆ เพียงแค่
๕-๗ ปี ราคาขึ้นไปสิบเท่า เป็นกรัมละ ๙๐๐ บาท ส่งผลให้ชาวบ้านที่ทำเครื่องเงินแบบดั้งเดิมสู้ต้นทุนไม่ไหว” ดร. ชวชาติ สุคนธปฏิภาค จากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา
ซึ่งเข้ามาทำงานร่วมกับชุมชนในเวลานั้น เล่าถึงช่วงเวลาที่เครื่องเงินวัวลายตกต่ำอย่างสุดขีด
บางส่วนของเครื่องเงินโบราณที่จัดแสดงไว้ในพิพิธภัณฑ์ |
โครงการยกระดับชุมชนบ้านวัวลายเพื่อการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ได้รวบรวมศึกษากลุ่มเครื่องเงินแบบคลัสเตอร์
อันหมายถึงทุกขั้นตอนจากเรื่องวัตถุดิบถึงการตลาด แล้วใช้ปรัชญาการพัฒนาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ที่ว่าให้ต้องเกิดจากภายใน สร้างการรับรู้เข้าใจและเห็นคุณค่าจากชุมชน จากนั้นจึงมีการจัดทำแผน เป็นโครงการแรกที่แผนทำขึ้นจากชุมชนอย่างแท้จริงเพื่อฟื้นฟูภูมิปัญญาท้องถิ่น
ระยะเวลาดำเนินการ ๓ปี โดยมีการดำเนินการอย่างเป็นรูปธรรม
ได้แก่จัดทำหลักสูตรช่างเครื่องเงินที่ได้รับการรับรองจากกระทรวงศึกษาธิการ มีการประยุกต์ผลิตภัณฑ์ให้เข้ากับตลาด
การจัดตั้งพิพิธภัณฑ์เครื่องเงินวัวลาย
วัดหมื่นสาร ถือเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมเพื่อสร้างเอกลักษณ์การรับรู้และเป็นจุดดึงดูดของชุมชน โดยทำพิธีเปิดอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่
๙ พฤศจิกายน ๒๕๕๖ ที่ผ่านมา ภายในโถงกว้างของอาคารทรงไทยประยุกต์ ใช้เป็นสถานที่รวบรวมและจัดแสดงหัตถกรรมเครื่องเงินวัวลายที่เป็นเครื่องใช้ไม้สอย
เครื่องประดับในรูปแบบต่าง ๆ ทั้งชิ้นเล็กชิ้นใหญ่ ล้วนแล้วแต่งดงามน่าชม ซึ่งทั้งหมดได้มาจากการบริจาค
บางชิ้นเป็นมรดกตกทอดกันมาหลายชั่วอายุคน มีการลงทะเบียนอย่างดี บรรจุไว้ในตู้กระจกเปิดให้นักท่องเที่ยวทั่วไปได้เข้าศึกษาผลงานชิ้นเยี่ยมของหัตถกรรมวัวลายจากในอดีต
หอศิลป์สุทธจิตโต ตกแต่งด้วยหัตกรรมทั้งหลัง |
ไม่ไกลจากกันเป็นผลงานศิลปกรรมวัวลายสมัยใหม่ คือหอศิลป์สุทฺธจิตฺโต สถาปัตยกรรมแบบล้านนาประยุกต์
สร้างขึ้นจากดำริของพระครูสุทธิจิตตาภิรัต เจ้าอาวาสวัดหมื่นสาร ด้วยงบประมาณกว่า
๑๐ ล้านบาท โดยได้ประยุกต์นำโลหะดุนลาย
ด้วยลวดลายที่เป็นลายพื้นเมืองล้านนาดั้งเดิม อันเป็นเอกลักษณ์เครื่องเงินบ้านวัวลาย มาประดับตกแต่งหอศิลป์จนตระการตา ตั้งแต่ช่อฟ้า
ปั้นลม เชิงชาย หัวเสา ราวระเบียง ไปจนถึงบันได และอนุสาวรีย์ครูบาศรีวิชัยซึ่งประดิษฐานอยู่ด้านหน้า
รวมไปถึงบนผนังกำแพงรั้วด้านนอก ที่ทำเป็นภาพ ๑๒ พระธาตุประจำปีเกิด
ในอาคาร บนผนังด้านนอกของหอศิลป์ประดับด้วยภาพของเทพ เทวดา เช่น
พระศิวะ พระพิฆเณศวร์ ลายพรรณพฤกษา สัตว์ป่าหิมพานต์ และเรื่องราวจากวรรณคดีรามเกียรติ์ ภายในประดิษฐานหุ่นขี้ผึ้งครูบาศรีวิชัย
นักบุญแห่งล้านนา ครูบาอินตา อินทปัญโญ
(ครูบาอินต๊ะ) และพระครูโอภาสคณาภิบาล (ครูบาบุญปั่น
ปุญญาคโม)
บนผนังรอบด้านจัดแสดงแผ่นประติมากรรมโลหะดุนลายขนาดใหญ่หลายภาพเรียงราย
เล่าเรื่องราวประวัติศาสตร์ตอนสำคัญ ๆ ของอาณาจักรล้านนาเอาไว้อย่างวิจิตรตระการตาน่าชม โดยปกติจะมีคุณปู่สิงคำ ไชยบุญเรือง
มรรคทายกของวัดหมื่นสาร คอยเป็นมัคคุเทศก์เดินนำชมพร้อมอธิบาย
การประดับตกแต่งภายในอลังการด้วยลวดลายแบบเครื่องเงินวัวลาย |
พิพิธภัณฑ์เครื่องเงินวัวลายและหอศิลป์สุทฺธจิตฺโต ตั้งอยู่ภายในวัดหมื่นสาร
ถนนวัวลาย ตำบลหายยา อำเภอเมืองฯ
จังหวัดเชียงใหม่ โทรศัพท์ ๐ ๕๓๒๗ ๕๕๔๕ ๐๘ ๕๖๕๒ ๕๗๗๐
เปิดให้เข้าเยี่ยมชมทุกวันในเวลาราชการไม่มีวันหยุดและไม่เสียค่าเข้าชม
No comments:
Post a Comment