กรมศิลปากร กระทรวงวัฒนธรรม
ปรับปรุงศูนย์บริการนักท่องเที่ยวอุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท ตำบลเมืองพาน
อำเภอบ้านผือ จังหวัดอุดรธานี
เตรียมความพร้อมสู่การยกระดับให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวระดับมาตรฐานสากล
ในฐานะแหล่งมรดกโลกในอนาคต
เมื่อวันศุกร์ที่ ๑๙ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๖๔
ที่ผ่านมานายปรเมศวร์ งามพิเชษฐ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงวัฒนธรรม
เป็นประธานในพิธีเปิด โดยมีนายประทีป เพ็งตะโก อธิบดีกรมศิลปากร นายวันชัย จันทร์พร
รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี ผู้บริหารกระทรวงวัฒนธรรมและกรมศิลปากร ร่วมในพิธี
ภายในอาคารจัดแสดงนิทรรศการพัฒนาการด้านวัฒนธรรม วิถีชีวิต
ความเชื่อและศาสนาของผู้คนในพื้นที่ภูพระบาทและบริเวณใกล้เคียง
รวมทั้งห้องให้บริการสืบค้นข้อมูลสารสนเทศอุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาทอีกด้วย
สำหรับห้องจัดแสดงแบ่งออกเป็น ๖ หัวข้อ ประกอบด้วย
๑. ธรรมชาติบนภูพระบาท
ให้ข้อมูลเกี่ยวกับธรรมชาติ พืชพันธุ์
และสัตว์ป่าที่พบในอุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท
โดยเฉพาะการค้นพบพืชพันธุ์ใหม่ของโลกบนภูพระบาทแห่งเดียวเท่านั้นคือ “ต้นครามอุดร”
และ “ต้นมุกอุดร”
๒. ธรณีวิทยาแห่งเทือกเขาภูพาน
ให้ข้อมูลเกี่ยวกับธรณีสัณฐานของเทือกเขา
ภูพานซึ่งเป็นพื้นฐานที่สำคัญที่จะทำให้เข้าใจลักษณะภูมิลักษณ์อันน่าอัศจรรย์ของโขดหิน
เพิงหินที่ปรากฏบน ภูพระบาท
๓. ภูพระบาทภูเขาศักดิ์สิทธิ์
ให้ข้อมูลเกี่ยวกับการนับถือพุทธศาสนา ซึ่งปรากฏ หลักฐานทางโบราณคดีบนเขาภูพระบาท
เช่น การสกัดเพิงหินธรรมชาติเป็นพุทธศาสนสถาน โดยภายใน
ปรากฏการสกัดเพิงหินให้เป็นพระพุทธรูปพุทธลักษณะผสมผสานระหว่างศิลปะทวารวดีและศิลปะเขมรโบราณ
๔. ห้อง MIXED REALITY ROOM แสดงข้อมูลทางด้านโบราณคดีของภูพระบาท ผ่านสื่อผสมผสาน
ด้วยเทคโนโลยี VR (Virtual reality) หรือเทคโนโลยีความจริงเสมือน AR (Augmented
reality) หรือเทคโนโลยีความจริงเสริม และ MR (Mixed reality)
หรือเทคโนโลยีความจริงผสม ที่นำเสนอข้อมูลได้น่าตื่นตาตื่นใจเป็นอย่างยิ่ง
๕.
ห้องพระเกจิอาจารย์สำคัญของภาคอีสาน ให้ข้อมูลประวัติหลักธรรมคำสอน
ของพระเกจิรูปสำคัญของภาคอีสาน ตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน
๖. ห้องชาติพันธุ์ไทพวน
ให้ข้อมูลด้านชาติพันธุ์ไทพวน ซึ่งเป็นกลุ่มชาติพันธุ์หลัก ของอำเภอบ้านผือ
อันเป็นที่ตั้งของภูพระบาท ทั้งนี้
ชาวไทพวนเป็นส่วนหนึ่งในประวัติศาสตร์ช่วงต้นรัตนโกสินทร์ซึ่งมีการอพยพโยกย้ายถิ่นฐานของผู้คนจากฝากฝั่งของลาวยังสยาม
และอยู่อาศัยทำมาหากินจนกระทั่งปัจจุบัน
อุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท
ตั้งอยู่บนภูเขาส่วนหนึ่งของเทือกเขาภูพานที่ชื่อว่าภูพระบาท ในเขตพื้นที่เมืองพาน
อำเภอบ้านผือ จังหวัดอุดรธานี เป็น
จากการสำรวจทางโบราณคดีปรากฏร่องรอยกิจกรรมของมนุษย์มาตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์
พบภาพเขียนสีอยู่มากกว่า ๕๔ แห่งกำหนดอายุได้ราว ๒,๕๐๐ – ๓,๐๐๐ ปีมาแล้ว
พบการดัดแปลงเพิงหินธรรมชาติเป็นศาสนสถานของผู้คนในวัฒนธรรมทวารวดี วัฒนธรรมเขมร
วัฒนธรรมล้านช้างและรัตนโกสินทร์ตามลำดับ
ร่อยรอยเหล่านี้แสดงให้เห็นถึงพัฒนาการทางสังคมของมนุษย์ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทยได้เป็นอย่างดี
กรมศิลปากรได้ประกาศขึ้นทะเบียนเขตโบราณสถานไว้ในราชกิจจานุเบกษา เล่มที่ ๙๘
เมื่อวันที่ ๒๘ เมษายน ๒๕๒๔
จากนั้นจึงได้พัฒนาแหล่งจนกลายเป็นอุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาทและได้มีพิธีเปิดอุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาทอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่
๒๖ มิถุนายน ๒๕๓๕
ปัจจุบันอุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท
มีโบราณสถานในพื้นที่รับผิดชอบซึ่งได้รับการขึ้นทะเบียนแล้วทั้งสิ้น ๗๘ แห่ง
โบราณสถานที่สำคัญ เช่น หอนางอุสา วัดพ่อตา ถ้ำพระ
และกำลังอยู่ในระหว่างการนำเสนอเพื่อขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมต่อองค์การศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ
หรือUNESCO
No comments:
Post a Comment