รำไพพรรณ แก้วสุริยะ ...เรื่อง ภาคภูมิ น้อยวัฒน์...ภาพ
ตีพิมพ์ครั้งแรกในอนุสาร อ.ส.ท. ฉบับเดือนกันยายน พ.ศ. ๒๕๕๙
เมื่อกลางเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา
เพื่อนสูงวัยของดิฉันโทรศัพท์คุยว่า
เธอเพิ่งกลับจากเที่ยวเมืองเลยในช่วงวันหยุดติดต่อกันหลายวัน ได้ชื่นมื่นกับธรรมชาติที่เห็นเมฆสีขาวลอยเคลียยอดภูทั้งภูหอ
ภูกระดึงและภูหลวงระหว่างการเดินทางบนถนน
ได้ทำบุญและสนทนาธรรมกับอริยสงฆ์ที่วัดป่าสายหลวงปู่มั่น หลวงปู่เทสก์
เข้าไปชมวัดวาอารามที่มีศิลปะสถาปัตยกรรมล้านช้าง
และที่เธอพบใหม่ทั้งน่าชมน่ากินก็คือได้เที่ยวในสวนเกษตรที่พืช ผัก ผลไม้
ปลอดภัยและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม...ทำให้เธอต้องเพิ่มวันพักเที่ยวอยู่ที่เลยอีก ๑
วัน และกำชับว่าหากไปแล้ว ต้องไปสวนนั้น
แวะสวนนี้ และไม่ควรพลาดไร่นี้ด้วย...
ความจากเธอเล่าว่า เลยมีแหล่งท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นและไม่ควรพลาดที่นั่น
ที่นี่ด้วยสิ นับเป็นแรงจูงใจให้คิดย้อนอดีตว่า
ฉันเองเป็นผู้คิดรูปแบบการท่องเที่ยวเชิงเกษตรนี้เสนอ
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.)ในโครงการ Amazing Thailand 1998-1999 คือAmazing Agriculture Heritage ด้วย เพื่อติดตามผลงานว่า
เกษตรกรเลยเขาเป็นอย่างไร จึงได้โอกาสนัดเพื่อนแก๊งรถตู้(เพื่อนสนิทสมัยเรียน)
ไปเบิ่งเมืองเลยแดน “เมืองแห่งทะเลภูเขา
สุดหนาวในสยาม ดอกไม้งามสามฤดู ถิ่นที่อยู่อริยสงฆ์ มั่นคงความสะอาด” ในช่วงเข้าพรรษากันค่ะ
ภาพลักษณ์การท่องเที่ยวเมืองเลยที่ว่า “เป็นเมืองที่มีอากาศดีตลอดปี
มีทิวทัศน์สวยงาม การเดินทางสะดวก
มีที่พักให้เลือกหลายระดับ อาหารดีสะดวกซื้อ
มีรูปแบบการท่องเที่ยวที่หลากหลาย เที่ยวกันได้อย่างเพลินๆ ค่าใช้จ่ายในระดับกลาง
มีความคุ้มค่าต่อการเดินทาง” นี่สิ
ทำให้บรรดาเพื่อนแก๊งรถตู้ตัดสินใจทันทีให้ดิฉันทำรายการเบิ่งเมืองเลย ๓ คืน ๔
วันช่วงวันหยุดเทศกาลเข้าพรรษา เพื่อได้ทำบุญและชมสวนเกษตรในรายการเดียวกัน
โดยเดินทางไป-กลับเครื่องบิน เช่ารถตู้เดินทาง เพราะวัยนี้เที่ยวกันอย่าง Slow
Travel, Slow Life ตามคำขวัญที่ชาวเลยเขาชวนเที่ยวว่า “สบาย ๆ
สไตล์เลย” นี่แหละ
ทิวทัศน์เมืองเลยจากบนเครื่องบิน |
วันเดินทางระหว่างที่คอยขึ้นเครื่อง
ด้วยสำนึกในหน้าที่มัคคุเทศก์ดิฉันได้บอกเพื่อนสูงวัยต่างอาชีพให้เข้าใจว่า
ข้อควรปฏิบัติการเที่ยวชมสวนเกษตรนั้นมีดังนี้
ข้อแรกคือ
ไม่อยากให้ใส่น้ำหอมค่ะ เนื่องจากในสวนเกษตรอินทรีย์นั้น เขาไม่ใช้ยาฆ่าแมลง
หากมีแมลงจำพวกผึ้ง แตน ต่อ มันได้กลิ่นแล้วจะเข้ามาต่อย
เพราะกลิ่นน้ำหอมนั้นแมลงนึกว่าเป็นศัตรูของมัน
ข้อที่สอง เวลาถ่ายรูปอย่าเผลอเข้าไปเหยียบกลางแปลงปลูก หรือโน้มกิ่งเพื่อให้รูปสวย
จะทำให้เกิดผลกระทบทั้งต้นไม้และดอกไม้ ก้านหัก ต้นหักเสียหาย
ข้อที่สาม
ไม่อยากให้เพื่อนแตะ จับ ดอกไม้และผลไม้บนต้น เกรงว่าอาจมีเชื้อโรค เชื้อรา
แม้อุณหภูมิจากมือเราสร้างผลกระทบทางลบต่อพืชพรรณ
ทำให้เกิดโรคในพืชและสัตว์เลี้ยงที่สวนเกษตรแห่งนั้นได้
“ค่ะ
ครับ” ทุกคนรับทราบ กระนั้นก็ตามยังมีเสียงแซวว่า
“นี่หนีกติกาจากบ้านมาเจอในรายการเที่ยวอีกหรือ” ก็ต้องบอกว่า เพียงย่อ ๆ นะ
หากเป็นต่างประเทศเขาห้ามคนเมาเข้าไปเที่ยวด้วย
เพราะเกรงว่าคนขาดสติจะทำให้สวนเขาเสียหาย... “นี่เธอ ช่วงนี้เข้าพรรษา
ไม่มีใครเมาหรอกจ้ะ”มีเสียงไม่ลดละต่อบทสนทนา...ใช่ค่ะ..เที่ยวในวัยเกษียณยอมรับว่า
สนุก ม่วนซื่น จริง ๆ
เช้าวันแรกคณะเราเดินทางถึงเมืองเลยเจ็ดนาฬิกาสามสิบนาที
จึงตรงไปหาอาหารเช้าเมนูไข่กระทะ ขนมปังตำรับฝรั่งเศสแปลง พร้อมชา กาแฟตามอัธยาศัย
เป็นอาหารเช้าตำรับเมืองเลยที่เพื่อนบางคนขอสั่งขนมปังกินถึง ๓ ชิ้นอย่างเกรงน้ำหนักเพิ่มทีเดียว กระนั้นก็ตาม
เพื่อนอนามัยในกลุ่มบ่นว่า เมนูอาหารเช้าไม่มีผลไม้เลย โชเฟอร์ได้ยินก็บอกว่า
“สักครู่เมื่อออกนอกเมือง ผมจะแวะที่ร้านขายผลไม้ข้างถนน มีทั้งสับปะรดไร่ม่วง
กับแก้วมังกร ตอนนี้กำลังออกชุกครับ”
โชเฟอร์รถตู้ทำหน้าที่เป็นเจ้าบ้านที่ดี
บอกกับคณะเราว่า “สับปะรดไร่ม่วง เป็นพันธุ์เดียวกับสับปะรดพันธุ์ปัตตาเวียที่คนกรุงเทพฯรู้จักว่า
สับปะรดศรีราชา น่ะครับ เอาพันธุ์มาปลูกที่จังหวัดเลย ปรากฏว่าได้คุณภาพดี รสหวาน
กรอบ ที่พิเศษคือกินแล้วไม่กัดลิ้นด้วย แก้วมังกร ก็เหมือนกัน มีรสหวานอมเปรี้ยว
กรอบ กว่าที่อื่น ”
คุณรู้ได้อย่างไร
มีเสียงตั้งคำถามจากสมาชิกทัวร์ และได้ยินเสียงตอบว่า
“อาผมปลูกทั้งสับปะรดและแก้วมังกร
ตามระบบสวนเกษตรแบบผสมผสานและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมครับ”
เสียงชื่นชมในรถขอบคุณดิฉันที่จองรถตู้โชเฟอร์ดี ดิฉันตอบ "อย่าเพิ่งชมไว้วันกลับก่อน เพราะเพิ่งแรกพบค่ะ”
คืนแรกเราค้างแรมในเมือง
เพื่อย่นระยะการเดินทางและไม่ต้องย้อนไปมา ตามเส้นทางอำเภอเมืองเลย-
อำเภอวังสะพุง-อำเภอหนองหิน-อำเภอภูหลวง- อำเภอวังสะพุง-อำเภอเมืองเลย อันเป็นเส้นทางวงรอบ
ทั้งนี้ไม่ลืมแจ้งกับโรงแรมว่าเราขอเข้าพักเย็นเมื่อกลับจากดูสวนเกษตรด้านสายใต้เสียก่อน
เมื่อออกรถจากเมืองเลยผ่านตลาดวังสะพุง
ตรงไปเลี้ยวเข้าศูนย์บริการท่องเที่ยวภูป่าเปาะ ซึ่งอยู่ก่อนถึงอำเภอหนองหิน ๑
กม.ตามที่นัดหมายกับนายบุญลือ พรมหาลา
ผู้ใหญ่บ้านผาหวาย ตามโทรศัพท์หมาย-เลข
๐๘๙๗๖๔๖๘๒๙ ที่ศูนย์ฯมีที่จอดรถและมีการจัดระเบียบบริการนักท่องเที่ยวนั่งรถอีแต๊กตามคิวค่าบริการนำเที่ยวคนละ
๓๐ บาท เราเปลี่ยนรถเรียบร้อย
จากนั้นโชเฟอร์รถอีแต๊กพาวกวนตามถนนดินลูกรังอัดแน่นขึ้นเขาไปชมทิวทัศน์พาโนรามาภูหอ
อันเป็นจุดชมวิวภูหอที่กว้างไกล รายการพาเที่ยวชมภูหอนี้
กลุ่มนักท่องเที่ยวที่รักษ์สิ่งแวดล้อม
ขอชื่นชมการจัดระเบียบเพื่อรักษาความสะอาดที่นี่ คือ ภายในรถอีแต๊กทุกคันมีเข่งหรือถุงใส่ขยะ
แนะนำให้นักเดินทางทิ้งขยะในถุงด้วย ขอให้เข้มงวดเช่นนี้ตลอดไปด้วยค่ะ
จะได้ไม่ต้องรณรงค์เก็บขยะกันทุกปี
แปลงนาสาธิตของศูนย์ฯ อาจารย์เฉลิมชัย |
หลังจากชื่นชมภูหอกันตามเวลากำหนดแล้ว
เราเดินทางต่อไปแวะถ่ายรูปกันที่ภูผาล้อม สวนหิน ข้างทาง ก่อนที่เดินทางไปศูนย์การเรียนรู้การเกษตรชุมชนต้นแบบเศรษฐกิจพอเพียงอาจารย์เฉลิมชัย
ที่บ้านโคกใหญ่
ตำบลตาดข่า ซึ่งอยู่ใกล้ ๆ กัน
ทันทีที่ลงจากรถ
เราได้รับการต้อนรับจากเครื่องดื่มสมุนไพรหอม เย็นสีสวย เพราะทราบว่าทุกคนคงหิวกัน
ตามด้วยรายการอาหารกลางวันตำรับพื้นบ้านเมืองเลยตามที่โทรศัพท์จองไว้ล่วงหน้าที่หมายเลข
๐๘๘ ๕๗๑ ๖๖๖๙
พร้อมทั้งกำชับว่าไม่เผ็ดตามความชอบของผู้สูงวัย ปรากฏว่า
ทุกคนติดใจรสน้ำพริก กินกับผักต้มสารพัดที่เก็บในสวน โดยเฉพาะมะระขี้นกลูกเล็ก ๆ
ขนาดนิ้วหัวแม่มือ แต่แปลกที่มีวิธีลวกอย่างไรไม่มีรสขมได้ ไข่เจียว
แกงเลียงผักหวานป่า อร่อยจนลืมเวลาเดินชมสวน
อาจารย์เฉลิมชัย อินทรชัยศรี |
ครั้นเมื่อสดชื่น
สบายท้องกับอาหารพื้นบ้านกันแล้ว อาจารย์เฉลิมชัย อินทรชัยศรี
หนึ่งในปราชญ์เกษตรกรให้การต้อนรับนำชมตามสถานีต่าง ๆ
อันเป็นซีกส่วนของศูนย์ฯตามเวลาเพียง ๒ ชั่วโมง สรุปได้ว่า
ปราชญ์เกษตรกรท่านนี้
เป็นกลุ่มนักคิดรุ่นใหม่ที่เรียกกันว่า Gen X หรือ
Extraordinary Generation ท่านเป็นคนที่กล้าคิด กล้าทำ มีจิตใจเปิดกว้าง พร้อมรับฟังข้อติติงเพื่อการปรับปรุงและพัฒนาตนเอง สามารถทำการเกษตรเพื่อปลดหนี้กว่า ๔ ล้านบาทได้ภายใน ๔ ปี
จากผืนดินที่มีแต่ความแห้งแล้งสวนป่าดินลูกรังเป็นดินดี ปัจจุบันปลูกพืชพันธุ์ไม้ชนิดต่างๆ ได้มากมาย
รวมถึงการเลี้ยงปลาในนาข้าว บ่อกบ ไก่พื้นเมือง ไก่งวง เป็ดเทศ
มีต้นแบบโรงสมุนไพร
โรงผลิตก้อนเห็ด โรงสีข้าว และโรงผลิตปุ๋ยอินทรีย์ ผลงานทำให้เป็นผู้ได้รับรางวัลเกษตรกรดีเด่น
ปี ๒๕๕๑ สาขาไร่นาสวนผสม
มีส่วนบริการสินค้าผลผลิตจากไร่ที่พิเศษคือไผ่หวานสายพันธุ์ภูกระดึง
มีอาหารพื้นบ้านตำรับเกษตรอินทรีย์และเครื่องดื่มสมุนไพรเพื่อสุขภาพ
ได้รับความสนใจมีผู้สนใจเข้ามาศึกษาดูงานทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปี
ตามคำแนะนำของเพื่อนบอกว่า
จากไร่อาจารย์เฉลิมชัย ให้เลยต่อไปที่บ้านม้าไทยและสวนเกษตรอินทรีย์ ซึ่งอยู่ใกล้ ๆ กัน
เป็นเครือข่ายทางการท่องเที่ยวเชิงเกษตรด้วย แต่บ่ายวันนั้น
เจ้าของสวนไม่อยู่ให้การต้อนรับคณะเรา
ดิฉันพลาดตรงที่ได้ติดต่อแล้ว แต่วันเดินทางไม่ได้โทรศัพท์ยืนยันกับอาจารย์เกษมที่หมายเลข ๐๘๐ ๑๙๙ ๐๘๗๔
อีกครั้ง นี่แหละเป็นเรื่องที่ผู้จัดรายการนำเที่ยวพึงปฏิบัติ เพราะท่านเจ้าของสวนก็มีเวลานัดหมายกับบุคคลภายนอกเช่นกัน
การสื่อสารอย่างใกล้ชิดเพื่อแจ้งกำหนดเวลา แม้การเดินทางถึงช้าก็ควรกระทำ
บ้านบนต้นไม้และบรรยากาศภายในบ้านม้าไทย |
บ่ายวันนั้น
เราจึงเพียงแวะถ่ายรูปและได้รับคำบอกเล่าว่า สวนเกษตร ของอาจารย์เกษม สมชาย ผู้เป็นคนหนุ่ม Gen X ที่ได้หันหลังทวนกระแสวัตถุนิยม กลับมาใช้ชีวิตทำการเกษตรอินทรีย์ตามแนวพระราชดำริการจัดการแหล่งน้ำของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและเกษตรอินทรีย์
ผสมกับการทำฟาร์มม้าไทย ในพื้นที่ ๘ ไร่ ปลูกไม้ผล รสชาติดี
ส่งขายตลาดในประเทศและต่างประเทศ
ทำนาข้าวพันธุ์ลืมผัว บ่อปลา ปลูกกล้วยน้ำว้า
พืชผักสวนครัวทุกชนิดโดยเฉพาะตะไคร้ขายส่งเข้าห้างสรรพสินค้าทั่วประเทศ
จนได้รับรางวัลเกียรติภูมิ “ปราชญ์แผ่นดิน และรางวัลลูกโลกสีเขียว ”
อาจารย์เกษม สมชาย โอบอุ้มม้าน้อยอย่างทะนุถนอม |
ภายในฟาร์มม้าไทยและสวนเกษตรฯ
แห่งนี้ มีกิจกรรมและความหลากหลาย และมุมทิวทัศน์สวยงาม ที่น่าสนใจให้ชม
ทั้งแปลงปลูกไม้ผล พืชผักสวนครัว ที่ใช้ระบบอินทรีย์
ผสานกับภูมิปัญญาพื้นบ้าน
เทคโนโลยีการเกษตรแผนใหม่ ปรับปรุงบำรุงพื้นที่ด้วยหลักการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเช่น
ใช้ม้ากินหญ้าแทนเครื่องตัดหญ้า
ใช้ระบบกลศาสตร์ตะบันน้ำส่งน้ำกระจายไปทั่วพื้นที่ ใช้พลังงานจากแสงอาทิตย์ ทำปุ๋ยจากมูลไส้เดือน
ส่วนม้าที่เลี้ยงไว้ยังเปิดบริการพานักท่องเที่ยวขี่ม้าชมสวนตามเวลาและราคาที่ตกลงกัน
มีบริการห้องสุขา นอกจากนั้น ยังมีมุมวางพืชผัก ผลไม้
และผลิตภัณฑ์ในสวนจำหน่ายเป็นของใช้ของฝากกลับบ้านด้วย
เกือบเย็นวันแรกทัวร์เมืองเลยช่วงวันหยุดเทศกาลเข้าพรรษานั้น
เราออกเดินทางต่อไปที่สวนครูอ๋อง ไผ่รวกหวานภูกระดึง คราวนี้ผู้จัดรายการทัวร์เพื่อเพื่อนจึงไม่พลาดการสื่อสาร
ระหว่างการเดินทางได้โทรศัพท์ถึงเจ้าของสวนที่หมายเลข ๐๘๙ ๒๗๔
๖๐๐๙แจ้งว่าคณะเราจะไปถึงช้าประมาณ ๑.๓๐ ชม.
เมื่อไปถึงสวนจึงได้รับการต้อนรับจากคุณครูสุรูป แสนขันธ์
นามที่ชาวบ้านชอบเรียกชื่อเล่น “ครูอ๋อง” พร้อมคณะ
ที่สวนเกษตรแห่งนี้
นอกจากมีเครื่องดื่มน้ำมะนาวผสมน้ำผึ้งเย็น ๆ จำหน่ายแล้ว
ยังมีขนมผิงตำรับจากสุโขทัยที่ละลายในปากให้ทดลองชิมอีกด้วย ขนมผิงนี้ คุณบุญชิต
วงศ์ศิริ บอกว่าไปเรียนมาจากสุโขทัย ซึ่งพวกเราชมกันว่า รสชาติเหมือนต้นแบบทีเดียว
ไผ่รวกหวานภูกระดึง |
ครั้นเมื่อเราถามถึงพืชเด่นในสวนที่ส่งขายทั่วประเทศคือ“ไผ่รวกหวาน ภูกระดึง”นั้นได้สายพันธุ์มาจากไหน
เจ้าของสวนเล่าว่า ได้ใช้ภูมิปัญญาเดินป่าสังเกตว่า
ทำไมหน่ออ่อนไผ่กอนี้มีรอยสัตว์แทะจึงหักมาชิมดูพบว่ามีรสหวาน
จากนั้นช่วยกันขุดไผ่ทั้งกอมาปลูกในสวน และใช้หลักความรู้ทางวิทยาศาสตร์เกษตรในการคัดเลือกสายพันธุ์นานถึง
๕ ปีก็สามารถเพาะและขยายพันธุ์ได้ต้นไผ่รวกหวานพันธุ์แท้ และเธอยืนยันขอใช้ Brand
Identity หรืออัตลักษณ์ของสวนว่า “ไผ่รวกหวาน
ภูกระดึง” เพื่ออนุรักษ์สายพันธุ์ไผ่ชนิดนี้ไว้คู่บ้านเกิด
สวนมะนาวในบ่อซีเมนต์ |
ภายในสวนเกษตรแห่งนี้ มีการจัดทำการเกษตรแบบผสมผสานที่ปลอดสารพิษได้รับมาตรฐาน
GAP ได้จัดแบ่งพื้นที่เป็นสัดส่วนเช่น
มีสวนสาธิตทั้งสวนไผ่ สวนมะนาวในบ่อซีเมนต์ที่ทำให้ออกผลนอกฤดู มีมุมปลูกสตรอเบอรี่ในกระถาง
ด้านหน้าสวนจัดมุมไม้ประดับไว้ให้ถ่ายภาพ มีซุ้มจำหน่ายผลผลิตในสวน
ด้านหลังมีที่พักแบบฟาร์มสเตย์
ที่พักแบบฟาร์มสเตย์ของสวนครูอ๋อง |
เย็นวันนั้น
ครูอ๋องเจ้าของสวนได้ตัดหน่อไม้รวกหวาน
ปอกล้างน้ำเสิร์ฟพร้อมกับน้ำพริกปลาย่างให้ทดลองชิม บอกว่า กินดิบ ๆ ได้
เราชิมกันคนละคำสองคำ ตามการต้อนรับ เพราะเพื่อนในคณะกระซิบบอกว่า ไม่ควรกินดิบมาก
เพราะในหน่อไม้มีสารไซยาไนด์อยู่บ้าง หากคนแพ้อาจปวดหัวและหายใจติดขัด
โดยเฉพาะผู้เป็นภูมิแพ้ต้องระวัง เธออธิบายต่อว่า หากทำให้สุก ทั้งผัดหรือ
ต้มกับใบย่านางแล้วจะทำให้ สารพิษสลายลงได้ เมื่อได้เรียนรู้เรื่องหน่อไม้หวานกันแล้ว
พวกเราก็ถูกผู้คุมเวลาเตือนว่า เราควรลาเจ้าของสวน เพราะจะต้องกลับสู่ตัวเมือง
เพื่อเข้าที่พักกันเพราะยังมีเวลาตระเวนชมสวนอีกหลายแห่ง
บรรยากาศร่มรื่นในศูนย์เรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียง |
บนเส้นทางจากสวนไผ่หวานภูกระดึงกลับสู่เมืองเลยนั้น
ยังมีสวนของพ่อหรือสวนอาจารย์ธงชัย นิกรสุข ที่บ้านผาน้อย อำเภอวังสะพุง
นับเป็นศูนย์การเรียนรู้ที่เอาหลักการการเกษตรอินทรีย์จากญี่ปุ่นมาผสมผสานกับการเกษตรทฤษฎีใหม่ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
จนสามารถพลิกผืนดินเป็นดินดี น้ำดีและได้รับโล่พระราชทานหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียง “อยู่เย็น
เป็นสุข” จากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี
และได้รับแต่งตั้งเป็นปราชญ์ของแผ่นดิน
สาขาเศรษฐกิจพอเพียงจังหวัดเลย
รางวัลคนดีศรีแผ่นดิน และรางวัลอื่น ๆ อีกมากมาย
ปัจจุบันท่านได้พัฒนาสวนของพ่อ เป็นศูนย์เรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียง ทฤษฎีใหม่
ตามแนวพระราชดำริ
และได้รับรางวัลศูนย์เรียนรู้ดีเด่นของจังหวัดเลย เมื่อปี ๒๕๕๔ สำหรับคณะที่มีเวลาแล้ว
น่าเข้าไปเยี่ยมชม เพื่อนำความรู้และประสบการณ์จริงมาใช้กับตัวเราหรือบอกต่อก็ได้
รายการทัวร์เมืองเลยช่วงวัสสานวันที่สองนั้น
เราย้ายที่พักไปค้างแรมกันที่อำเภอภูเรือ
ซึ่งเป็นศูนย์กลางของแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรในย่านนั้น ดังนั้น หลังอาหารเย็น ผู้จัดรายการทัวร์จึงแจ้งสมาชิกเพื่อทราบเรื่องที่พัก
และรายการทัวร์โดยกำหนดสถานที่ไปชมไกลเสียก่อน
ครึ่งวันที่สองไปชมตลาดชายแดนและข้ามสะพานไปต่างประเทศกันที่ท่าลี่ กับไร่อาจารย์อธิศพัฒน์
แปลงสาธิตในบริเวณบ้านอาจารย์อธิศพัฒน์ |
คณะท่องเที่ยวแก๊งรถตู้เที่ยวสบาย ๆ สไตล์เลย
ดูเฉย ๆ กับตลาดนัดชายแดนท่าลี่
บ่นว่าอากาศอบอ้าวและไม่มีของที่น่าสนใจอยากซื้อกัน
เพียงเดินผ่านแล้วถ่ายรูปเป็นที่ระลึกพอได้อารมณ์ก็กลับไปนั่งรับอากาศเย็น ๆ
ในรถกัน
ระหว่างทางจากตลาดนัดชายแดนเราแวะตลาดท่าลี่หาซื้อกาแฟดื่มตามอัธยาศัย
สักครู่เมื่อสารคาเฟอินกระตุ้นประสาท ทำให้ลูกทัวร์ผู้สูงวัยสดชื่นขึ้น
ก็พอดีรถเลี้ยวเข้าสู่ไร่อาจารย์อธิศพัฒน์ ในเขตบ้านท่ายาง ตำบลท่าลี่
ซึ่งอยู่ห่างจากตลาดเพียง ๘ กม. ที่นี่เราได้โทรศัพท์ยืนยันที่หมายเลข ๐๘๙ ๘๐๐
๘๑๗๐ อีกครั้ง แม้ได้รับคำบอกว่าอาจารย์อธิศพัฒน์ วรรณสุทธิ์
เจ้าของสวนไปเป็นวิทยากรต่างจังหวัด
แต่ก็มีเจ้าหน้าที่คอยให้การต้อนรับคณะเราอยู่
นามไร่อาจารย์อธิศพัฒน์ที่ชาวเลยรู้จักดีนั้น ท่านเป็นผู้มีความรู้และประสบการณ์การทำการเกษตรที่ได้รับรางวัลเชิดชูเกียรติหลายสาขาอาทิ
รางวัลชนะเลิศเกษตรกรสำนึกรักบ้านเกิด หรือ Smart Farmer ปราชญ์ของแผ่นดิน สาขาการพัฒนาเกษตรตามแนวทฤษฎีใหม่
โดยยึดปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง และเป็นผู้ทรง-คุณวุฒิด้านบริหารศัตรูพืชโดยวิธีผสมผสาน
(Integrated
Best Management :IBM) เป็นต้น
ถั่วฝักยาวกำลังออกผลงอกงาม |
ภูมิหลังของเกษตรกรผู้เป็นปราชญ์ของแผ่นดินผู้นี้
ท่านได้หันหลังให้อาชีพนักสาธารณสุขจากเมืองหลวงมาพลิกฟื้นผืนดินลูกรังให้เป็นสวนเกษตรแบบผสมผสานโดยน้อมนำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงและเกษตรทฤษฎีใหม่ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมาปรับปรุงบำรุงดินจนเป็นไร่เกษตรอินทรีย์ที่ให้ผลผลิตทั้งผักสด
ผลไม้ มีรสชาติอร่อย ได้รับมาตรฐานอาหารปลอดภัยสากล การจัดการภายในไร่เกษตรอินทรีย์ที่นำเอาความรู้ทั้งภูมิปัญญาท้องถิ่นผสมกับเทคโนโลยีทางวิทยาศาสตร์เช่น
ระบบคอมพิวเตอร์ควบคุมการรดน้ำ
การใช้พลังงานแสงอาทิตย์ การใช้ก๊าซชีวภาพ การใช้ทรัพยากรการเกษตรอย่างคุ้มค่า
การจัดการอย่างเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม มีการพัฒนาสูตรอาหารสำหรับพืช ได้แก่
จุลินทรีย์หน่อกล้วย สูตรเลี้ยงไก่อารมณ์ดีให้ออกไข่มีคุณภาพ และอื่นๆ อีกมากมาย
ไก่เลี้ยงภายในไร่อธิศพัฒน์ |
ความโดดเด่นและมีเอกลักษณ์ในการทำการเกษตรนี้
ทำให้ไร่อธิศพัฒน์ได้รับความสนใจเป็นแหล่งเรียนรู้ให้กับเกษตรกรสมัยใหม่ให้เข้ามาศึกษาดูงาน
ได้มีโอกาสเรียนรู้แนวคิดในการแทนคุณแผ่นดิน
และการประยุกต์องค์ความรู้ทางการเกษตรมาสู่ภาคปฏิบัติ
โดยเน้นการทำการเกษตรอินทรีย์ที่มีความสุข
ทำให้มีผู้เข้ามาศึกษาดูงานเที่ยวชมผลงานอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปี
รวมทั้งการเข้ามาพักอาศัยในไร่เพื่อเรียนรู้ในการปฏิบัติจริงร่วมกับอาจารย์ด้วยทั้งชาวไทย
และเกษตรกรมิตรประเทศริมฝั่งโขงทั้งใกล้และไกล
เมื่อมาดูงานที่ไร่นี้
ดิฉันคิดถึงอาจารย์วิวัฒน์ ศัลยกำธร ปราชญ์ของแผ่นดินภาคกลางผู้ทำงานหนัก
เพื่อสรรค์สร้างการเกษตรของประเทศให้เป็นเกษตรปลอดภัยและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
หากนับอายุท่านเป็นรุ่นพี่ของอาจารย์อธิศ พัฒน์
แปลงนาในไร่อธิศพัฒน์ |
สวนเกษตรแบบผสมผสานบนพื้นที่ลอนลาดแห่งนี้
หากเป็นสวนเกษตรในภาคใต้เรียกกันว่าสวนสมรม เราทราบว่า
พื้นที่รอบนอกปลูกเป็นสวนป่าคงเหลือไม้ยืนต้นในพื้นที่ป่าเบญจพรรณ
ที่ปลูกเสริมได้แก่ ไผ่นานาชนิด
ผักหวานป่า เพื่อให้สวนป่าเป็นไม้กันลม นอกจากนั้น ในสวนป่ายังมีเห็ดเผาะ
เห็ดป่า ให้เก็บกินได้ ชั้นในปลูกผลไม้
น้อยหน่า ฝรั่ง สับปะรด เงาะโรงเรียน
อโวกาโด กล้วยน้ำว้า ผักสวนครัว ผักกินใบต่าง ๆ
รวมถึงทำนาปลูกข้าวในที่ดอน ๕ สายพันธุ์ด้วย
เครื่องหมายปลอดสารพิษจากธรรมชาติ |
คณะเราได้รับการนำชมให้ดูแปลงผักและทราบว่า
ระบบการดน้ำในสวนนี้ได้ใช้น้ำใต้ดินหรือน้ำบาดาล
ซึ่งตรวจดูคุณภาพไม่มีสารปนเปื้อนอยู่ในน้ำ ดังนั้น พืชผัก ผลไม้จึงปลอดสารพิษ
กินได้สด ๆ อย่างสนิทใจ เมื่อผ่านแปลงไร่ข้าวโพดหวาน
เจ้าหน้าที่ได้หักข้าวโพดแบ่งเป็นชิ้นเล็ก ๆ ให้พวกเราทดลองกินสด ๆ
บรรดาลูกทัวร์ได้ชิมแล้วร้องกรี๊ดกร๊าดราววัยใสว่า “เพิ่งรู้ว่าข้าวโพดหวานกินดิบได้” ดิฉันเสริมว่า
“นี่แหละประสบการณ์ใหม่ในชีวิตล่ะ”
ก่อนออกจากไร่ทุกคนซื้อสารพัดพืชผัก
ของกินทั้งสดแห้งเป็นของฝากกลับบ้าน ที่กินบนรถทั้งข้าวโพดต้ม
ฟักทองนึ่งทั้งเนื้อเหนียวและหวาน
สับปะรดปอกหวานฉ่ำ กล้วยน้ำว้าสุก
โดยตกลงกันว่า มื้อกลางวันยกยอดรวมเป็นมื้อเย็นกันทีเดียว
ไร่ที เค ภูเรือ ไฮโดรฟาร์ม |
บนเส้นทางจากไร่อธิศพัฒน์ในเขตอำเภอท่าลี่
รถมุ่งหน้าเข้าสู่อำเภอภูเรือ เพื่อเข้าสู่ที่พักด้วยระยะทางประมาณ ๒๘ กม.
กระนั้นก็ตาม เมื่อผ่านไร่ที.เค.ภูเรือ ไฮโดรฟาร์ม เพื่อนในรถสนใจขอแวะ
เพื่อดูว่าเขาปลูกผักอย่างไร เพราะอยากเอาแบบไปปลูกบนชั้นดาดฟ้าบ้าน
ซึ่งเป็นห้องแถว เธอบอกว่าใช้ประโยชน์ตากผ้าเพียงอย่างเดียวอยากปลูกผักไว้กินบ้าง
ได้ข่าวปลูกผักโดยไม่ใช้ดินมานานแล้ว
เมื่อลงจากรถกันแล้ว เจ้าหน้าที่ออกมาต้อนรับ
พวกเราต้องขอโทษที่ไม่ได้แจ้งล่วงหน้า ซึ่งตามระเบียบแล้ว หากนักท่องเที่ยวจะไปเที่ยวสวนเกษตรใด ควรติดต่อแจ้งล่วงหน้าอย่างน้อย ๑ อาทิตย์
บางแห่งต้อง ๑๐ วันหรือ ๒ อาทิตย์ก็มี
เพราะฝ่ายเจ้าของสวนจะได้จัดเจ้าหน้าที่คอยต้อนรับและนำชมสวน
ผักนานาชนิดงามอยู่ในโรงปลูก |
ไร่ที.เค.ภูเรือ ไฮโดรฟาร์ม มีระบบจัดการที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
ปลูกผักสลัดนานาชนิดโดยใช้ระบบไฮโดรโปรนิกส์ด้วยระบบน้ำจากใต้ดินหรือน้ำบาดาล
ด้วยเหตุผลที่ว่า เป็นน้ำสะอาดไม่มีสารพิษปนเปื้อนเหมือนแหล่งน้ำธรรมชาติทั้งลำธาร
ลำคลอง มีการจัดสวนแบบขั้นบันได
เพื่อให้ดูแลรักษาพืชได้ง่ายและดูเป็นระเบียบสวยงามด้วย เจ้าหน้าที่อธิบายว่า
ต้องคอยตรวจแปลงผักทุกวันและทั้งวัน เพื่อสังเกตว่ามีแมลงมาไข่ไว้ตามใต้ใบหรือไม่
หากพบเราต้องตัดใบทิ้งเลย เป็นการกำจัดแมลงด้วยแรงมือมนุษย์
ผักในสวนได้รับมาตรฐานปลอดสารพิษด้วย
ที่มุมสาธิตวิธีปลูกผักแบบไร้ดิน เพื่อนดิฉันได้เรียนรู้และเธอรับปากว่าจำได้
เข้าใจ และคุยว่า คอยดูสิ อีกสามเดือนจากนี้ไปจะมีผักสลัดแจกกันกินได้
มีเสียงสวนขึ้นทันทีว่า “ฉันคงไม่ต้องร้องเพลงรอนะ...”
ไร่องุ่นภูเรือวโนทยาน |
ก่อนเข้าที่พักยามบ่ายคล้อยก็ถึงเวลาพักดื่มน้ำชา
กาแฟและอาหารว่างรองท้องสักนิด จึงแวะไปที่ร้านชาโต้ เดอ เลย นามนี้นักท่องเที่ยวรู้จักกันว่า
เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรที่สมบูรณ์ครบวงจรระดับนานาชาติแห่งแรกของจังหวัดเลย
มีชื่อเป็นทางการว่า“สวนองุ่นภูเรือวโนทยานจังหวัดเลย”จัดตั้งในปี ๒๕๓๘ เมื่อ ๒
ทศวรรษที่ผ่านมา
ดิฉันเปรยกับเจ้าหน้าที่บริการว่า
“ทำไมดูร้านเงียบเหงาไป เกิดอะไรขึ้นกับสวนนี้....”
สักครู่ ผู้จัดการฝ่ายเบเกอรี่ออกมาต้อนรับคณะลูกค้าเก่าและบอกพวกเราว่า
ช่วงนี้ที่กำลังปรับปรุงไร่ตามคำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญการผลิตไวน์จากฝรั่งเศส
เขาแนะนำให้แยกการปลูกองุ่นรับประทานผลสด กับองุ่นสำหรับทำไวน์ไว้คนละด้าน
เพราะอาจมีการผสมข้ามพันธุ์ทำให้องุ่นสำหรับทำไวน์เสียรส อย่างไรก็ตาม
ฝ่ายจัดสวนคงยังมีแปลงองุ่นรับประทานผลสดบริการลูกค้า ซึ่งขณะนี้ ยังไม่ออกผล
และได้อธิบายให้เราทราบว่า ขณะนี้สวนเรามีระบบจัดการอย่างเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
ชาโต้ เดอ เลย ในบรรยากาศสงบเงียบ |
นอกจากแปลงองุ่นบนพื้นที่ลอนลาดแล้ว ยังแบ่งพื้นที่ปลูกแมคคาเดเมียแปลงใหญ่
๑,๒๐๐ไร่ มะม่วงพันธุ์มหาชนก ๕๐ ไร่ สามารถเก็บผลผลิตส่งจำหน่ายทั่วประเทศ ในส่วนเบเกอรรี่ได้ทำผลิตภัณฑ์ถนอมอาหารเช่น
น้ำผลไม้ แยมผลไม้ และผลไม้อบแห้ง เพื่อจำหน่ายเป็นสินค้าที่ระลึกคู่กับไวน์ด้วย
ตามหน้าที่ของผู้จัดรายการเที่ยววันหยุดยาวช่วงเทศกาลเข้าพรรษา
ก่อนคณะแยกย้ายกันเข้าห้องพัก ดิฉันรายงานรายการเดินทางเพื่อทราบว่า พรุ่งนี้
เรามีรายการเดินทางไปทำบุญที่วัดพระธาตุศรีสองรัก อำเภอด่านซ้าย
จากนั้นแวะไปกินอาหารกลางวันที่ห้องอาหารกลางวันที่สวนภูนาคำ พร้อมทั้งไม่ลืมเน้นย้ำว่า
การทำบุญที่วัดพระธาตุศรีสองรักนั้น ต้องไม่มีสีแดงทั้งเครื่องบูชาและเครื่องไทยธรรมต่าง
ๆ รวมถึงเสื้อผ้าที่สวมใส่กันด้วยด้วย เรื่องนี้
เราปฏิบัติตามความเชื่อของชาวบ้านที่เขาเชื่อว่า
สีแดงเป็นสีเลือดไม่เป็นมงคลกับสถานที่
หลังอาหารเช้าอย่างสบาย ๆ เราได้ออกรถไปอำเภอด่านซ้ายซึ่งมีระยะทาง ๓๕
กม.ไปแวะซื้อดอกไม้ธูปเทียนและเครื่องสังฆทาน
โดยเลือกเฉพาะของใช้จำเป็นสำหรับสงฆ์บรรจุถุงพลาสติกผูกโบว์พองาม นำไปถวายพระที่วัดพระธาตุศรีสองรัก
อันเป็นวัดสำคัญของจังหวัดเลย ภายในวัดมีพระธาตุ
สร้างตามพุทธศิลป์สกุลช่างล้านช้าง ชาวเลยนับถือว่าเป็นพระธาตุแห่ง “สัจจะและไมตรี” ของสองกษัตริย์คือ
สมเด็จพระมหาจักรพรรดิ
แห่งราชอาณาจักรสยาม และพระเจ้าไชยเชษฐาธิราช แห่งกรุงศรีสัตนาคนหุต
(เวียงจันทน์) ราชอาณาจักรล้านช้าง
(สปป.ลาว ในปัจจุบัน) พระธาตุศรีสองรักนี้กษัตริย์ทั้งสองพระองค์ทรงโปรดฯสร้างขึ้นเพื่อเป็นสักขีพยานว่า
จะไม่มีการสู้รบให้เลือดตกต้องแผ่นดินกันอีกต่อไป
อันเป็นเหตุผลในความเชื่อความศรัทธาของชาวบ้านห้ามใช้สีแดงในวัด
คณะเราตั้งใจทำบุญถวายสังฆทานในวันเข้าพรรษาและไม่คอยถวายภัตตาหารเพล
จึงใช้เวลาไม่นานนัก เมื่อเสร็จงานบุญตามประเพณีแล้ว เราจึงออกรถเดินทางไปตามทางหลวงหมายเลข ๒๐๑๓ ผ่านรพ.สมเด็จพระยุพราชทางซ้าย
ตรงไปประมาณ ๑ กม.จะมีป้ายบอกทางเข้าสวนอยู่ด้านซ้ายไปอีก ๘๐๐ เมตรถึงลานจอดรถสวนภูนาคำ
สวนภูนาคำที่รายรอบบูติครีสอร์ต |
สวนแห่งนี้
เป็นสวนเกษตรแบบผสมผสานและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ที่รายล้อมรอบบูติครีสอร์ท
ชื่อเดียวกัน เป็นการทำธุรกิจบนพื้นที่มรดกของครอบครัวคุณอดุลย์ วงศ์มาศา
นักธุรกิจรุ่นGen X ได้น้อมรับหลักเศรษฐกิจพอเพียงและเกษตรทฤษฎีใหม่ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
มาบริหารโดยสร้างมูลค่าเพิ่มเสริมคุณค่าให้แก่กันและกันใน ๒ ธุรกิจคือ
ธุรกิจการเกษตรได้สร้างพื้นที่สีเขียวและผลผลิตเพื่อใช้บริการในห้องอาหาร
กับธุรกิจที่พัก ที่มีทิวทัศน์สีเขียวทุ่งหญ้า ทุ่งนา อันกว้างไกลแล้ว นักท่องเที่ยวยังได้สัมผัสกับวิถีเกษตรไทย
มีโรงนาเลี้ยงควาย แปลงปลูกผัก สวนสมุนไพร แปลงเก็บพลังจากแสงอาทิตย์เพื่อใช้พลังงานไฟฟ้าและความร้อนภายในพื้นที่
สำหรับสวนป่ารอบ ๆ ใช้เป็นไม้กันลมตามธรรมชาติ
การจัดการอย่างเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
เป็นผลให้ภูนาคำรีสอร์ทได้รับรางวัลมาตรฐานทั้งระดับประเทศและนานาชาติ
บรรยากาศแบบเกษตรกรรมของภูนาคำ |
เที่ยงเศษวันนี้
คณะเรานั่งกินอาหารที่ประกอบด้วยผักและผลไม้อินทรีย์
ท่ามกลางบรรยากาศในม่านฝนไล่ช้างพร่างพรูเพียงชั่วครู่ประเดี๋ยวเดียวฟ้าก็สว่าง
สายฝนช่วยเสริมบรรยากาศให้ผืนนาและผืนป่ารอบห้องอาหารเขียวสดตา
ดิฉันแอบสังเกตเห็นว่า เพื่อนในคณะทุกคนเพลินสนุก เจริญอาหาร เสียงคุยสดใส
สมกับช่วงเวลาที่ได้มาพักผ่อนกัน บางคนเห็นบรรยากาศถามว่า
หากจะเปิดห้องพักงีบเอาแรงแล้วเย็น ๆ ค่อยกลับได้ไหม
และแล้วเธอก็ต้องเปลี่ยนความคิด เพราะเพื่อนลงมติว่า ค่าห้องนั้นต้องจ่ายเอง
ไม่ใช้เงินกองกลางนะ
ระหว่างที่พักผ่อนอยู่ที่ภูนาคำรีสอร์ท
เพื่อนพรรคได้ตกลงกันว่า ใครประสงค์ทำสิ่งใดที่ใจปรารถนาก็ทำเช่น
นั่งส่งไลน์คุยกับเพื่อน เดินย่อยอาหารชมสวนสมุนไพร หรือขอชมห้องพัก
เพื่อการเดินทางในครั้งต่อไป จนถึงเวลานัด ๑๕.๓๐ น.ค่อยกลับที่พัก
แก้วมังกร บ้านร่องจิก |
ก่อนออกรถเดินทางกลับดิฉันถามเพื่อน ๆ ว่า
ใครจะสั่งซื้อแก้วมังกร รสดีจากสวนบ้านร่องจิกกันบ้าง เพื่อโทรศัพท์สั่งลุงอ้อย
หรือคุณพรมนัส พรมภูติ ที่หมายเลข
๐๘๑๙๖๕๖๒๔๔ ให้เก็บแก้วมังกร สด ๆ แล้วนำรถเข้าไปแวะรับ
พร้อมกำชับว่าทุกคนต้องคำนวณน้ำหนักสัมภาระตอนขึ้นเครื่องบินด้วย
นอกจากสับปะรดไร่ม่วงแล้ว แก้วมังกร
ก็เป็นผลไม้รสดีถึงขนาดกลุ่มเกษตกรจะขอจดทะเบียนสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (Geographical Indications : GI)อีกชนิดหนึ่งด้วย
ดิฉันได้ความรู้จากเกษตรจังหวัดว่าผืนแผ่นดินจังหวัดเลยนี้
เคยเป็นดินที่พัฒนามาจากพื้นที่ภูเขาไฟนับร้อย ๆ ล้านปี
จึงมีคุณสมบัติที่มีธาตุอาหารสูงเป็นต้นทุนเดิมแล้ว ยังมีทุนเสริมอันได้แก่
มีลักษณะทางภูมินิเวศที่หลากหลายโดยรวมมีความสูงโดยเฉลี่ย ๓๐๐-๖๐๐ เมตรจากระดับทะเลปานกลาง
ปริมาณน้ำฝนเฉลี่ยตลอดปี ๑,๐๗๘ มิลลิเมตร มีอุณหภูมิเฉลี่ย
๒๖ องศาเซลเซียส หากพิจารณาพื้นที่ธรรมชาติตามระบบนิเวศแล้ว มีส่วนเอื้ออำนวยให้
พืชพรรณ ผัก ผลไม้ มีคุณสมบัติพิเศษคือ มีรสอร่อยครับ...
มิน่าล่ะ...
จากความรู้เดิมที่เคยร่วมทำงานโครงการหลวงอ่างขาง จังหวัดเชียงใหม่
ซึ่งสามารถทำการเกษตรในเขตอบอุ่น หรือที่เราเรียกกันว่า
ปลูกไม้เมืองหนาวกันได้
ที่จังหวัดเลยนี่ก็เช่นกัน กลุ่มเกษตรจังหวัดเลย เขาตั้งความหวัง
จังหวัดเลยจะเป็นแหล่งผลิตอาหารปลอดภัย เป็นครัวของประเทศและของโลกอีกแห่งหนึ่ง
หลังอาหารเช้าวันสุดท้ายของรายการทัวร์วันหยุดเทศกาลเข้าพรรษานั้น
เป็นรายการชมตลาดนัดไม้ถุงไม้กระถาง
ซึ่งมองดูเป็นสวนไม้ดอกไม้ประดับข้างถนนเขตอำเภอภูเรือ
ที่มีจุดหมายตาเป็นเทอโมมิเตอร์ยักษ์อยู่กลางสวน แท้จริงแล้วเป็นแปลงเล็ก ๆ
ของชาวสวน เมื่อรวมกลุ่มและปลูกติดต่อกันมองดูเป็นพื้นที่กว้างไกลสุดสายตา มีภูเขาลูกโดดสีเขียวเป็นฉากหลัง
สีสันของไม้ดอกไม้ประดับที่วางเรียงและสลับสี นับว่าเป็นจุดชมวิวทิวทัศน์ที่สวยงาม
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ระหว่างเดือนพฤศจิกายนถึงปลายเดือนมกราคม
อันเป็นช่วงที่มีการเพาะและขยายพันธุ์ไม้ถุงไม้กระถางที่ชื่อ พอยซิเทีย(Poinsettia) แต่ชาวไทยเรียกว่า
ต้นคริสต์มาส นับเป็นไม้ประดับประดุจเป็นไม้กระถางสัญลักษณ์ของจังหวัดเลยทีเดียว
กระนั้นก็ตาม
แม้เป็นช่วงหน้าฝน ไม้ดอกไม้ประดับที่กลุ่มเกษตรกรปลูกไว้ขายก็อวดสีสันสดตา
เหมือนหน้าหนาวเช่นกัน และที่นี่
กลุ่มทัวร์ผู้สูงเพลินชม เพลินถ่ายรูปกันอย่างสนุกสนาน บางคนลืมวัย วางท่าถ่ายรูปราวกับเป็นวัยใสกันเชียว
แผนที่ท่องเที่ยวเชิงเกษตรเมืองเลย พิเศษ เสนาวงศ์...จัดทำแผนที่ |
ทิวทัศน์ท้องนาจังหวัดเลย |
จังหวัดเลยเป็นดินแดนที่เต็มไปด้วยน้ำใจและมิตรไมตรี
อุดมไปด้วยทรัพยากรธรรมชาติ ความสวยงามของทิวทัศน์
ความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของวิถีชีวิต ศิลปะ วัฒนธรรม ที่เป็นส่วนหนึ่งของแผ่นดินและชาติพันธุ์ที่สืบทอดอารยธรรมล้านช้าง
ร่วมกับบ้านพี่เมืองน้องอย่าง สปป.ลาว และโดยเฉพาะอย่างยิ่งจุดเด่นของภูมิอากาศที่ถือกันว่าหนาวที่สุดในสยาม
ปัจจุบันจังหวัดเลยเป็นหนึ่งในเมืองต้องห้าม...พลาด มีทั้งการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
สำนักงานเลย สำนักงานท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดเลย และสำนักงานพื้นที่พิเศษเลย
ที่ช่วยกันพัฒนา ส่งเสริม และขับเคลื่อนการพัฒนาการท่องเที่ยวร่วมกับภาคส่วนต่าง ๆ ทำให้มีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างประเทศเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
นอกจากการท่องเที่ยวทางธรรมชาติและวัฒนธรรมที่เป็นจุดสนใจหลัก
จังหวัดเลยยังมีศักยภาพในการท่องเที่ยวในแหล่งเกษตรอีกด้วย
มีแหล่งเรียนรู้ทางการเกษตรตามแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ
ของปราชญ์แผ่นดินถึงสามท่าน แหล่งเกษตรที่ทิวทัศน์สวยงาม สะท้อนวิถีชีวิตเกษตรกรรม
งานเทศกาลการเกษตร และผลผลิตการเกษตรที่มีคุณภาพ
ซึ่งสามารถเสริมรายได้ให้กับเกษตรกรและผู้ประกอบการท่องเที่ยวได้ และยังจะสามารถขยายฤดูกาลท่องเที่ยวจากเฉพาะหน้าหนาว
เชิญชวนนักท่องเที่ยวมาเยือนความชุ่มฉ่ำเขียวขจีของแหล่งเกษตรกรรมในช่วงหน้าฝนและความสวยงามของพรรณไม้ในช่วงปลายฝนต้นหนาว
นายวิโรจน์
จิวะรังสรรค์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเลย
สิงหาคม ๒๕๕๙
นายวิโรจน์ จิวะรังสรรค์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเลย |
การท่องเที่ยวเชิงเกษตร
เป็นการท่องเที่ยวในแหล่งเกษตรกรรม และเป็นรูปแบบหนึ่งของการท่องเที่ยวเชิงนิเวศ
นอกจากจะมีความสวยงามสวยงาม สัมผัสธรรมชาติ
ยังเป็นการท่องเที่ยวที่มีโอกาสได้เรียนรู้วิถีทางเกษตรกรรม ที่สำคัญการทำเกษตรจะมีการหมุนเวียนการเพาะปลูกต่อเนื่องตลอดปี
ทำให้การท่องเที่ยวในแหล่งเกษตรกรรมมีศักยภาพในการพัฒนากิจกรรมการท่องเที่ยวได้ตลอดปีด้วย
สำหรับพื้นที่พิเศษเลย นักท่องเที่ยวจะได้เรียนรู้วิถีชีวิต ความเชื่อ ภูมิปัญญา และเทคโนโลยีการทำเกษตร ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม รวมทั้งเป็นรูปแบบการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพจากการเกษตรที่มีสุขภาวะและอาหารที่มีประโยชน์ ผลผลิตจากเกษตรอินทรีย์
เกษตรไร้สารพิษ
อพท.๕ได้มีส่วนร่วมกับภาคีการพัฒนาการท่องเที่ยวที่เกี่ยวข้องศึกษาเพื่อพัฒนาเส้นทางท่องเที่ยวเชิงเกษตรนิเวศ สำรวจแหล่งที่มีศักยภาพในการนำมาพัฒนาอย่างมีส่วนร่วม
ส่งเสริมความร่วมมือและสร้างความเข้มแข็งให้กับเครือข่ายทั้งการท่องเที่ยวและการเกษตรกรรม
สื่อสารและสร้างการเรียนรู้ที่มีคุณค่า
รวมถึงการขับเคลื่อนให้เกิดการท่องเที่ยวเชิงเกษตรตามแนวทางการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน
เพื่อให้ Loei Green
Zone เป็นการท่องเที่ยวทางเลือกที่มีคุณภาพ
เน้นย้ำการรับรู้ภาพลักษณ์ของการเป็นเมืองศูนย์กลางการท่องเที่ยวเชิงนิเวศ
นายธรรมนูญ ภาครูป รักษาการผู้จัดการสำนักงานพื้นที่พิเศษเลย (อพท.๕)
No comments:
Post a Comment