Wednesday, November 11, 2015

ท่าสอน เส้นทางสัมผัสมหัศจรรย์แห่งป่าชายเลนจันทบุรี


“พราว เภตรา” ...รายงาน
ตีพิมพ์ครั้งแรกในอนุสาร อ.ส.ท. ฉบับเดือนตุลาคม ๒๕๕๘ 
            ป่าชายเลนถือเป็นแหล่งธรรมชาติที่สำคัญต่อสิ่งแวดล้อม เนื่องจากมีประโยชน์ต่อการดํารงชีพของมนุษย์และสัตว์  ด้วยความหลากหลายของพืชและสัตว์นานาชนิด จัดเป็นระบบนิเวศแบบ ๓  น้ำ โดย ในฤดูฝนมีน้ำฝนลงมาผสมกับน้ำทะเลมาก น้ำจะจืด ช่วงปลายฤดูฝนย่างเข้าฤดูแล้งน้ำฝนน้อยลง น้ำจะกลายเป็นน้ำกร่อย และในฤดูแล้งที่ไม่มีน้ำฝนลงมาผสม น้ำจะเค็ม หมุนเวียนกันไปเป็นวงจร จึงเป็นแหล่งแพร่พันธุ์และอยู่อาศัยของสัตว์น้ำได้เป็นอย่างดี

 ป่าชายเลนลุ่มน้ำเวฬุ บริเวณรอยต่อของ อําเภอขลุง จังหวัดจันทบุรี กับ อําเภอเขาสมิง จังหวัดตราดเป็นพื้นที่ป่าชายเลนซึ่งมีความหลากหลายและสมบูรณ์ทางนิเวศมากที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศไทย โดยจากการสํารวจในพื้นที่ซึ่งมีอยู่ประมาณ ๑๒๐,๐๐๐ ไร่ในอดีต  พบว่ามีสัตว์น้ำมากกว่า ๓๐ ชนิด และนกอีกมากกว่า ๒๐๐ ชนิด ทว่าในช่วง ๓๐ ปีที่ผ่านมาถูกชาวบ้านบุกรุกพื้นที่เข้าไปทำมาหากิน เป็นเหตุให้ป่าชายเลนถูกทำลายไปกว่าร้อยละ ๙๐  สภาพป่าที่ทรุดโทรม ส่งผลให้พันธุ์สัตว์น้ำชายฝั่งลดน้อยลงอย่างต่อเนื่อง ทั้งในด้านชนิดและจำนวน


กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง โดยสถานีพัฒนาทรัพยากรป่าชายเลนที่ ๒ (ท่าสอน จันทบุรี) ได้ดำเนินฟื้นฟูป่าชายเลน ลุ่มน้ำเวฬุขึ้นมาใหม่ โดยยึดตามแนวพระราชดํารัสของพระบาทสมเด็จพระ เจ้าอยู่หัว ที่ทรงรับสั่งว่า “คนกับป่าสามารถอยู่ร่วมกันได้ ในการฟื้นฟูป่านั้นต้องให้ประชาชนมีส่วนร่วม และให้เขาได้รับประโยชน์จากการสร้างป่านั้นด้วย”

ในปี พ.ศ.๒๕๔๗ จึงได้มีการก่อตั้งศูนย์เรียนรู้และท่องเที่ยวเชิงนิเวศป่าชายเลนลุ่มน้ำเวฬุ ขึ้น   เป็นศูนย์การเรียนรู้ด้านนิเวศวิทยาป่าชายเลน สำหรับกิจกรรมท่องเที่ยวเชิงนิเวศ รวมทั้งเป็นสถานที่พบปะทํากิจกรรมร่วมกันของกลุ่มเยาวชนและประชาชน เพื่อปลูกจิตสํานึกด้านการอนุรักษ์ทรัพยากรป่าชายเลนให้มีความอุดมสมบูรณ์  โดยให้คนในท้องที่มีส่วนร่วมอีกทั้งยังมีรายได้จากนักท่องเที่ยว  โดยที่ผ่านมาได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากจังหวัดจันทบุรี ล่าสุดในปี ๒๕๕๘ นี้ ทางการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.)ได้เข้ามาดำเนินการปลูกป่าชายเลนจำนวน ๑ พันไร่ เพื่อฟื้นฟูสภาพผืนป่าท่าสอนให้กลับมาอุดมสมบูรณ์อีกครั้ง


ภายในพื้นที่ศูนย์ฯ ได้มีการตัดถนนลาดยางผ่านเข้าไปในผืนป่า เพื่อให้สามารถเข้าไปศึกษาธรรมชาติกันได้อย่างใกล้ชิด โดยจัดสร้างห้องสำหรับบรรยายในอาคาร พร้อมทั้งเส้นทางเดินเท้าศึกษาธรรมชาติ เป็นสะพานคอนกรีตและสะพานไม้ ทอดผ่านเข้าไปในผืนป่าชายเลนท่ามกลางพันธุ์ไม้นานาชนิดที่เรียงราย เช่น โกงกาง แสม ลำพู บนระยะทาง ๑.๒ กิโลเมตร ใช้เวลาเดินประมาณ ๖๐ นาที

แต่ละจุดมีป้ายสื่อความหมายเกี่ยวกับธรรมชาติป่าชายเลนบอกเล่าข้อมูลพันธุ์ไม้ สัตว์ต่าง ๆ ซึ่งมีทั้งนก สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม สัตว์เลื้อยคลาน และสัตว์น้ำ ที่อาศัยอยู่ในป่าชายเลน ไว้อย่างละเอียดพอสมควร ซึ่งถ้าโชคดีก็อาจจะได้พบเห็นตัวเป็น ๆ กัน ซึ่งที่ถือเป็นดาวเด่นของป่าท่าสอนแห่งนี้ก็คือ “เหยี่ยวแดง”  เนื่องจากพบเห็นได้ง่าย มักจะเห็นกางปีกถลาร่อนอยู่ไปมาอยู่มากมาย  บนผืนฟ้าสีครามเหนือป่าเขียวขจี

โดยเฉพาะในช่วงเดือนพฤศจิกายน-มิถุนายนของทุกปี บนถนนลาดยางสายหลักที่ทอดยาว ระยะทางประมาณ ๒ กิโลเมตร ในยามค่ำคืนยังสว่างไสวเรืองรองด้วยแสงของหิ่งห้อยกระพริบวิบวับอยู่สองฟากฝั่ง เป็นความงดงามมหัศจรรย์อันเป็นเอกลักษณ์ของผืนป่าชายเลนท่าสอนแห่งนี้ ที่หากมีโอกาสก็ไม่ควรพลาดที่จะมาชมเป็นบุญตาสักครั้งในชีวิต

สุดถนนที่ท่าน้ำยังมีร้านอาหารทะเลแพโชครุ่งรัตน์ให้บริการอาหารทะเลในราคาย่อมเยา และหากต้องการพักผ่อนแรมคืนแบบใกล้ชิดธรรมชาติ ทางศูนย์ฯ ก็มีเต็นท์ไว้บริการนักท่องเที่ยว พักได้ ๒-๕ คน ราคา ๑๒๐-๓๐๐ บาท ในกรณีที่นักท่องเที่ยวนำเต็นท์มาเอง เสียค่าธรรมเนียมพื้นที่กางเต็นท์ คนละ ๕๐ บาท
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ สถานีพัฒนาทรัพยากรป่าชายเลน ที่ ๒ (ท่าสอน จันทบุรี) โทรศัพท์ ๐ ๓๙๔๒ ๔๑๘๖, ๐๘ ๙๒๔๕ ๓๕๐๙


  

No comments:

Post a Comment