ภาคภูมิ น้อยวัฒน์...เรื่องและภาพ
ตีพิมพ์ในคอลัมน์รายงานพิเศษ อนุสาร อ.ส.ท. เดือนตุลาคม ๒๕๖๑
โครงการเผยแพร่มรดกศิลปวัฒนธรรมของชาติ โดยกรมศิลปากร
จัดกิจกรรมนำสื่อมวลชนจากหลากหลายสาขา ร่วมเดินทางทัศนศึกษาในหัวข้อ “เล่าเรื่องเมืองโบราณพันปี
“จันทบุรี” ดินแดนยุทธศาสตร์ชาติไทย” ในระหว่างวันที่ ๑๖ – ๑๗ สิงหาคมที่ผ่านมา
คณะทัศนศึกษาในครั้งนี้นำโดยนายเมธาดล วิจักขณะ
รองอธิบดีกรมศิลปากร จุดหมายหลักอยู่ที่ศึกษาดูงานแหล่งโบราณคดีและโบราณสถาน โดยเฉพาะการดำเนินโครงการอนุรักษ์และพัฒนาเพื่อส่งเสริมศักยภาพเมืองเพนียด
จังหวัดจันทบุรี หลังจากโบราณสถานแห่งนี้ไม่ได้ดำเนินงานขุดค้นและศึกษาด้านโบราณคดีมานานกว่า ๒๐ ปีแล้ว
เมืองเพนียดเป็นนครโบราณอายุมากกว่าพันปี
สำรวจพบครั้งแรกโดยสำนักฝรั่งเศสแห่งปลายบูรพาทิศเมื่อ
พ.ศ.๒๔๓๖-๒๔๔๖ กรมศิลปากรขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานเมื่อ พ.ศ.๒๔๗๘ ลักษณะผังเมืองเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า ล้อมรอบด้วยคันดิน
ขนาดพื้นที่ประมาณ ๑,๖๐๐ ไร่ ทำเลติดกับเชิงเขาสระบาป
มีลำน้ำคลองนารายณ์ไหลมาจากภูเขา ผ่านเมืองลงสู่แม่น้ำจันทบุรีแล้วออกทะเลอ่าวไทย
สิ่งยืนยันถึงความเก่าแก่ของเมืองเพนียดได้แก่
ศิลาจารึก และหลักฐานทางศิลปกรรมที่ปรากฏอยู่มากมาย ศิลาจารึกสำคัญมีอยู่สามหลัก
ได้แก่จารึกวัดทองทั่ว-ไชยชุมพล อายุราวพุทธศตวรรษที่ ๑๒ จารึกเพนียด ๑ และจารึกเพนียด
๕๒ อายุราวพุทธศตวรรษที่ ๑๕
ส่วนหลักฐานทางศิลปกรรมที่น่าสนใจ คือทับหลังแบบถาลาบริวัตรในวัฒนธรรมขอมโบราณ
สร้างขึ้นราวตั้งแต่พุทธศตวรรษที่ ๑๒ อายุประมาณ ๑,๔๐๐ ปี ถือเป็นศิลปกรรมได้รับอิทธิพลจากอินเดียเก่าแก่ที่สุดในประเทศไทย
แสดงให้เห็นว่าเมืองเพนียดเป็นเมืองท่าติดต่อค้าขายใกล้ชิดกับอินเดีย
มีบทบาทสำคัญสำคัญในการเชื่อมอารยธรรมจากอินเดียเข้าสู่ในภูมิภาคส่วนอื่น ๆ
นักโบราณคดีคาดว่าเมืองเพนียดยังอาจเป็นชุมชนที่มีประวัติความเก่าแก่มากกว่า
๑,๔๐๐ ปี เนื่องจากยังขุดพบโบราณวัตถุกลองมโหระทึกที่มีอายุเก่าแก่มากกว่านั้นมาก คือร่วมสมัยกับเมืองออกแก้วในเวียดนามตอนใต้
ที่มีอายุอยู่ในพุทธศตวรรษที่ ๖-๙ ทั้งยังอาจจะติดต่อกับเมืองท่าในสมัยศรีวิชัย ที่จังหวัดสุราษฎร์ธานีด้วย
เนื่องจากเมืองเพนียดห่างจากอ่าวไทยเพียง ๒๐
กิโลเมตร เป็นจุดที่สะดวกในการติดต่อทำการค้าทางทะเล ในขณะที่ทางบกเชื่อมโยงเข้ากับภาคกลาง
สำนักศิลปากรที่
๕ ปราจีนบุรี ได้ดำเนินงานโบราณคดีขุดแต่งและบูรณะโบราณสถานด้านทิศเหนือที่เรียกกันว่า
“คูเพนียด” ในปี พ.ศ. ๒๕๔๒-๒๕๔๕ พบว่าเป็นสิ่งก่อสร้างลักษณะเหมือนสระน้ำรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าสองสระติดกัน
กว้าง ๖๐ เมตร ยาว ๔๐ เมตร กรุด้วยศิลาแลง มีบันไดทางขึ้น ในปี พ.ศ. ๒๕๖๐
ที่ผ่านมา จึงได้สำรวจทำแผนผังพร้อมทั้งขุดแต่งโบราณสถานเมืองเพนียดอีกครั้ง พบโบราณวัตถุเพิ่มเติมอีกหลายชิ้นที่น่าสนใจ
เช่น กระเบื้องกาบกล้วย กระเบื้องเชิงชาย และชิ้นส่วนสถาปัตยกรรมอื่น ๆ ที่ทำให้สันนิษฐานได้ว่าเป็นสิ่งก่อสร้างใช้เพื่อประกอบพิธีกรรมทางศาสนา
อายุราวพุทธศตวรรษที่ ๑๘ ไม่ใช่เพนียดหรือคอกช้างอย่างที่เรียกกันอย่างแน่นอน
ล่าสุดกรมศิลปากรมีแผนพัฒนาต่อเนื่องในช่วงปี
๒๕๖๒-๒๕๖๕ โดยจะทำการสำรวจตั้งแต่บริเวณเมืองเพนียดเบื้องล่างเชื่อมโยงขึ้นไปถึงบนยอดเขาสระบาป
ซึ่งน่าจะมีความสัมพันธ์กันในเชิงพิธีกรรมความศักดิ์สิทธิ์ ขณะนี้กำลังอยู่ในระหว่างการสำรวจหากำแพงเมืองและขุดแต่งบูรณะให้ชัดเจน
นอกจากนี้ยังมีโครงการความร่วมมือกับท้องถิ่น นำชาวบ้านที่อยู่รอบโบราณสถาน เข้ามาร่วมพัฒนาให้เป็นแหล่งเรียนรู้ต่อไป
ในส่วนของวัดทองทั่วซึ่งเป็นแหล่งเก็บรักษาโบราณวัตถุชิ้นสำคัญของเมืองเพนียดไว้จำนวนมาก
ทางวัดได้รับการสนับสนุนงบประมาณ ๓๐ ล้านบาท สำหรับการสร้างอาคารพิพิธภัณฑ์แห่งใหม่
จากหน่วยราชการท้องถิ่นซึ่งตระหนักถึงความสำคัญ
โดยมีกรมศิลปากรสนับสนุนในด้านการกำหนดอายุโบราณวัตถุ แนะนำการจัดแสดงให้ได้มาตรฐานสากล
รวมทั้งมีแผนพัฒนาให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์แห่งใหม่ของ
จังหวัดจันทบุรีที่มีความเชื่อมโยงทางวัฒนธรรมในระดับภูมิภาคอาเซียน
คณะทัศนศึกษาได้เข้าเยี่ยมชมหน่วยงานของกรมศิลปากรส่วนภูมิภาคในจังหวัดจันทบุรี ได้แก่ หอจดหมายเหตุแห่งชาติ จันทบุรี เดิมเป็นศาลาว่าการมณฑลจังหวัดจันทบุรีซึ่งประกอบด้วยเมืองจันทบุรี
ระยอง และตราด สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. ๒๔๕๙ สมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว
รัชกาลที่ ๖ ปัจจุบันตัวอาคารมีอายุเก่าแก่กว่าร้อยปี
ระหว่างการบูรณะพบเอกสารจดหมายเหตุเก่าแก่สมัยสงครามโลกครั้งที่ ๑ และสงครามโลกครั้งที่
๒ จำนวนมาก ได้รับการเสนอยูเนสโกให้เป็นมรดกความทรงจำของโลก และพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพาณิชย์นาวี
แหล่งเก็บรักษาและอนุรักษ์โบราณวัตถุที่ได้จากการขุดค้นใต้ทะเล พร้อมชมการสาธิตการปฏิบัติงานโบราณคดีใต้น้ำด้วยอุปกรณ์อันทันสมัย
ณ สระฝึกอบรมและทดสอบการดำน้ำ “เดชพิรุฬห์”
นอกจากนี้ยังเข้าชมพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ค่ายตากสิน
ในบริเวณค่ายตากสิน ซึ่งเป็นกลุ่มอาคารโบราณที่สร้างขึ้นในสมัยฝรั่งเศสเข้ายึดเมืองจันทบุรี
จัดแสดงพระราชประวัติพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕
และนิทรรศการความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับฝรั่งเศส
จัดแสดงไว้อย่างเป็นหมวดหมู่น่าสนใจ และอาสนวิหารพระนางมารีอาปฎิสนธินิรมล
จันทบุรี โบสถ์คริสต์ศาสนานิกายโรมันคาทอลิก อายุกว่าร้อยปี ที่มีรูปแบบสถาปัตยกรรมและการตกแต่งอลังการตระการตา
สนใจชมภาพถ่ายและวิดิทัศน์การเดินทางทัศนศึกษาในหัวข้อ “เล่าเรื่องเมืองโบราณพันปี จันทบุรี
ดินแดนยุทธศาสตร์ชาติไทย” เพิ่มเติมได้ที่ www.facebook.com/osotho
No comments:
Post a Comment