ภาคภูมิ น้อยวัฒน์...รายงาน
ตีพิมพ์ครั้งแรกในอนุสาร อ.ส.ท.ปีที่ ๕๕ ฉบับที่ ๑ ประจำเดือนสิงหาคม ๒๕๕๗
ตีพิมพ์ครั้งแรกในอนุสาร อ.ส.ท.ปีที่ ๕๕ ฉบับที่ ๑ ประจำเดือนสิงหาคม ๒๕๕๗
สถาบันพิพิธภัณฑ์เพื่อการเรียนรู้แห่งชาติ
(สพร.) จัดโครงการ Muse
Mobile “มิวเซียมติดล้อ” เพื่อเป็นต้นแบบของการสร้างพื้นที่ของการเรียนรู้ใหม่
ๆ ให้เกิดขึ้นในสังคมไทย อันจะนำไปสู่สังคมแห่งการเรียนรู้ เป็นรากฐานสำคัญของการพัฒนาประเทศในทุก ๆ
ด้านต่อไป
“มิวเซียมติดล้อ”
คือรูปแบบพิพิธภัณฑ์แนวใหม่ที่จัดทำนิทรรศการไว้ในตู้คอนเทนเนอร์ขนาดใหญ่ด้วยเทคนิคการนำเสนออันทันสมัยและน่าสนใจ
แล้วนำไปจัดแสดงตามสถานที่ต่าง ๆ ในลักษณะ พิพิธภัณฑ์เคลื่อนที่ เพื่อสร้างพื้นที่ใหม่
ๆ ของการเรียนรู้สู่ทุกภูมิภาคของประเทศ โดยเน้นการมีปฏิสัมพันธ์กับผู้เข้าเยี่ยมชม
ที่ผ่านมาทางสพร.ได้จัดทำนิทรรศการในรูปแบบ “มิวเซียมติดล้อ” ไปแล้วรวม ๓ ชุด
ชุดแรกคือนิทรรศการ “เรียงความประเทศไทย ฉบับย่อ” เดินทางไปจัดแสดงมาแล้วใน ๑๓ จังหวัด ชุดที่สองคือ นิทรรศการ
“ฮู้จักเพื่อนไทย เข้าใจตัวตนคนอีสาน” จัดแสดงแล้วใน ๖ จังหวัด
ล่าสุดชุดที่สาม
คือนิทรรศการ ”อัจฉริยภาพตัวตนคนอีสาน” ประเดิมแสดงที่จังหวัดมหาสารคามเป็นแห่งแรก โดยร่วมกับเทศบาลเมืองมหาสารคาม
จัดขึ้นที่บริเวณลานจอดรถหน้าห้างสรรพสินค้าเสริมไทยคอมเพล็กซ์ จังหวัดมหาสารคาม
เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ได้รับความสนใจจากเด็ก เยาวชน
และประชาชนในท้องถิ่นเป็นจำนวนมาก โดยในคอนเทนเนอร์ใหญ่
๔ หลังที่เรียงกันเป็นรูปตัวยู บอกเล่าถึงประวัติความเป็นมาของภาคอีสาน
ด้วยการแบ่งเนื้อหาเป็นหลังละหัวข้อ
หัวข้อที่
๑ จั๊งซี่ละอีสาน เล่าเรื่องทางภูมิศาสตร์ของอีสาน
ผ่านคำถามต่าง ๆ เช่น
ทำไมอีสานถึงเป็นที่ราบสูง ทำไมอีสานถึงแห้งแล้ง ทำไมอีสานไกลทะเลแต่มีเกลือ
ฯลฯ
พร้อมทั้งนำเสนอทรัพยากรในดินของอีสานอย่าง ฟอสซิลดึกดำบรรพ์ ปิโตรเลียม
เกลือและทองแดง แต่ที่สำคัญที่สุดคือทรัพยากรมนุษย์ หรือ “คนอีสาน”
ซึ่งประสบความสำเร็จสุดยอดในหลากหลายอาชีพ
หัวข้อที่ ๒ หม่องนี้ดีคัก เล่าถึงภูมิปัญญาของชาวอีสานที่แม้แผ่นดินแห้งแล้ง
แต่คนอีสานก็ไม่เคยขาดแคลนอาหารการกิน ด้วยความสามารถปรับตัวให้เข้ากับสภาพภูมิอากาศ
โดยใช้พืชมหัศจรรย์อย่างไผ่ที่ใช้เป็นอาหาร ใช้สร้างบ้านเรือน
และทำเครื่องไม้เครื่องมือทำมาหากินต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ยังมีแบบจำลองของเกวียนหลากหลายรูปแบบ
อันเป็นพาหนะพื้นเมืองที่สอดคล้องกับการดำเนินชีวิตของชาวอีสานให้ผู้เข้าชมได้สัมผัส
หัวข้อที่ ๓ ฮีตสิบสองคองสิบสี่ เล่าถึง “ฮีต” หรือ จารีต
หมายถึงสิ่งที่ปฏิบัติสืบต่อกันมายาวนานจนเป็นประเพณีอันดีงาม ซึ่งมีทั้งหมด ๑๒ ฮีตในรอบหนึ่งปี และ “คองสิบสี่” หมายถึงทำนองคลองธรรม ๑๔ ประการ อันเป็นกรอบปฏิบัติของผู้ปกครอง
ผู้ใต้ปกครอง พระสงฆ์ และชาวบ้าน เพื่อการอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุขของบ้านเมือง
โดยในหัวข้อนี้มีจุดเด่นอยู่ที่ภาพยนต์อนิเมชั่น
“ศึกล่าฝน” ที่เล่าขานตำนานความเป็นมาเรื่องประเพณีบั้งไฟของชาวอีสานด้วยระบบ
๔ มิติ อย่างตื่นตาตื่นใจ
หัวข้อที่
๔ ออนซอนอีสาน
เล่าถึงมรดกทางศิลปวัฒนธรรมของชาวอีสานที่สืบเนื่องกันมาตั้งแต่ยุคก่อนประวัติศาสตร์ ก่อนจะเข้าสู่ยุคประวัติศาสตร์ในสมัยทวารวดี
สมัยขอมโบราณ
ปรากฏร่องรอยสถาปัตยกรรมอันยิ่งใหญ่งดงามอย่างเช่น แหล่งวัฒนธรรมบ้านเชียง
ภูพระบาท ปราสาทหิน และแหล่งโบราณคดีอีกมากมายที่กระจัดกระจายอยู่ทั่วแผ่นดินอีสาน
ซึ่งอดีตอันรุ่งเรืองได้หล่อหลอมความเป็นอีสานจนมีเอกลักษณ์อย่างที่เห็นในปัจจุบัน
ในบริเวณโดยรอบยังได้มีการจัดกิจกรรม
“โฮงวัฒนธรรม” นำเสนอการกินอยู่และวิถัชีวิตแบบอีสาน
ให้ผู้เข้าชมได้ร่วมมีประสบการณ์ด้วยตัวเองเช่น การทำข้าวเม่าพื้นเมือง การทอเสื่อ
และการปั้นหม้อ พร้อมอาหารพื้นบ้านหายากให้ลองชิม และจำหน่ายผลิตภัณฑ์หัตถกรรมพื้นเมือง
รวมทั้งยังมีกิจกรรม “ประกวดดนตรีสร้างสรรค์”
ให้กลุ่มวัยรุ่นได้สัมผัสและเข้าถึงแนวดนตรีพื้นบ้านอีกด้วย
ทั้งหมดนี้เป็นการตอกย้ำให้นิทรรศการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายคือกลุ่มเด็ก
เยาวชน และบุคคลทั่วไป
ซึ่งหากนับจากเดือนสิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๒ อันเป็นจุดเริ่มต้นโครงการ
ถึงวันนี้ก็เป็นเวลา ๕ ปีเต็ม
ที่โครงการมิวเซียมติดล้อได้เข้าถึงเป้าหมายตามวัตถุประสงค์
คือสนับสนุนให้เกิดการเรียนรู้นอกห้องเรียน ให้กับเยาวชนและประชาชนใน ๒๐ จังหวัดทั่วประเทศ มีจำนวนผู้เข้าชมมากกว่า
๒๕๐,๐๐๐คน
และมีหน่วยงานให้ความร่วมมือมากกว่า ๖๐ หน่วยงาน และโครงการยังคงดำเนินการให้มีชุดใหม่
ๆ เพิ่มขึ้นต่อไปในอนาคต
สนใจติดต่อนิทรรศการมิวเซียมติดล้อไปจัดแสดง สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ สถาบันพิพิธภัณฑ์การเรียนรู้แห่งชาติ เลขที่ ๔ ถนนสนามไชย แขวงบรมมหาราชวัง เขตพระนคร กรุงเทพฯ โทรศัพท์ ๐ ๒๒๒๕ ๒๗๗๗ โทรสาร ๐ ๒๒๒๕ ๒๗๗๕ ชมภาพถ่ายและวิดิทัศน์มิวเซียมติดล้อ ชุดที่ ๓ ที่มหาสารคามเพิ่มเติมได้ที่ www.facebook.com/osotho และ www.museumsiam.org
No comments:
Post a Comment